พีเอฟพีตั้งเป้าโต ด้วยกลยุทธ์ธุรกิจแบบ 4.0

พีเอฟพีตั้งเป้าโต ด้วยกลยุทธ์ธุรกิจแบบ 4.0

 

ปี 61 ตั้งเป้าเติบโต 11% ไตรมาสแรกพุ่งเกินเป้า เดินหน้ารุกธุรกิจในประเทศผ่านแนวคิด ‘เข้าใจ ใกล้ชิด มอบสิ่งดี’ เริ่มดำเนินธุรกิจแบบดิจิตอลมาร์เก็ตติ้ง พร้อมเปิดตัวร้านค้าออนไลน์ PFP TASTY SHOP และผลิตภัณฑ์ใหม่ในงาน THAIFEX 2018

นายทวี ปิยะพัฒนา ประธานกรรมการบริหารกลุ่มบริษัท พีเอฟพี

นายทวี ปิยะพัฒนา ประธานกรรมการบริหารกลุ่มบริษัท พีเอฟพี กล่าวถึงภาพรวมของตลาดอุตสาหกรรมอาหารทะเลแปรรูปว่า “ปีที่ผ่านมาอัตราการผลิต การจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงการส่งออกมีการขยายตัวขึ้น เนื่องจากความต้องการของประเทศคู่ค้าหลักที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังได้อานิสงส์จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ทำให้ทุกกลุ่มสินค้าอาหารของไทยมีความต้องการเพิ่มมากขึ้น

จากแนวโน้มดังกล่าวส่งผลให้กลุ่มบริษัท พีเอฟพี วางแผนขยายธุรกิจส่งออกรวมถึงขยายฐานลูกค้าในประเทศให้กว้างขึ้น โดยให้ความสำคัญกับการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการดำเนินธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของโรงงานที่มีแผนใช้งบลงทุนหลัก 200 ล้านบาท สำหรับเพิ่มและปรับปรุงเครื่องจักรในการขยายกำลังการผลิต การทำตลาดที่ใช้สื่อออนไลน์เข้ามาช่วยในกิจกรรมส่งเสริมการขาย รวมถึงเพิ่มช่องทางจำหน่ายแบบออนไลน์เพื่อให้สินค้าเข้าถึงผู้บริโภคเพิ่มมากขึ้นตามพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปในยุคปัจจุบัน

ในปี 2561 กลุ่มบริษัทพีเอฟพีตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 5,000 ล้านบาท เติบโตขึ้น 11% จากปีที่ผ่านมา คิดเป็นในประเทศ 10% ต่างประเทศ 14% สำหรับตลาดในประเทศ พีเอฟพีถือได้ว่าเป็นผู้นำด้านอาหารทะเลแปรรูปแช่เยือกแข็งในช่องทางตลาดสดและช่องทางธุรกิจบริการด้านอาหารและเครื่องดื่ม (Food Service) แม้ว่าการแข่งขันในยุคปัจจุบันจะสูงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นราคา กำลังซื้อของผู้บริโภค แต่ด้วยกระบวนการผลิตและการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ ได้รับมาตรฐาน จึงทำให้ผู้บริโภคมั่นใจในผลิตภัณฑ์ของพีเอฟพีว่ารสชาติดี มีคุณภาพ

ส่วนสถานการณ์ในตลาดต่างประเทศ ไตรมาสแรกเป็นไปได้ดีเกินเป้าหมายที่วางไว้ โดยเฉพาะตลาดเอเชีย รวมถึงกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม) ที่ยังไม่สามารถผลิตสินค้าอาหารได้เพียงพอต่อความต้องการในประเทศ ส่งผลให้มีการนำเข้าเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งเศรษฐกิจและการค้าของประเทศคู่ค้าไม่ว่าจะเป็นกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป ก็เริ่มปรับตัวดีขึ้นด้วย” นายทวีกล่าว

นายธวัชชัย รัตนะพิสิฐ กรรมการบริหารกลุ่มบริษัท พีเอฟพี

ด้านการดำเนินงานและแผนการตลาด นายธวัชชัย รัตนะพิสิฐ กรรมการบริหารกลุ่มบริษัท พีเอฟพี เปิดเผยว่า “ในปี 2561 กลุ่มบริษัท พีเอฟพี จะรุกตลาดต่างประเทศโดยการขยายฐานลูกค้าและช่องทางจำหน่ายให้มากขึ้น ทั้งผลิตภัณฑ์ที่เป็นอาหารแช่เยือกแข็งและอาหารพร้อมทาน โดยเฉพาะในตลาดจีน รวมถึงตลาดยุโรป สำหรับตลาดในประเทศ จะใช้แนวคิด เข้าใจ ใกล้ชิด มอบสิ่งดี พร้อมด้วยการดำเนินธุรกิจแบบดิจิตอลมาร์เก็ตติ้งควบคู่ อีกทั้งยังเตรียมจัดแคมเปญการตลาดออนไลน์ เพื่อสร้างการรับรู้ไปยังผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย

เข้าใจ หมายถึงการสร้างนวัตกรรมใหม่ให้กับผลิตภัณฑ์ ที่สามารถตอบสนองความต้องการและพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ไม่ว่าจะเป็นด้านไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ที่เน้นความสะดวกสบายแบบสินค้าพร้อมทาน ความง่ายในการหาซื้อด้วยช่องทางจำหน่ายที่หลากหลายและมากขึ้น อาทิ ก้ามปูหิมะของพีเอฟพี ที่วางจำหน่ายในร้านสะดวกซื้อเซเว่น-อีเลฟเว่น ซึ่งนอกจากผลิตภัณฑ์ที่รสชาติดีและสะดวกต่อการทานแล้ว ยังจะต้องมีประโยชน์ต่อสุขภาพ รวมถึงรูปแบบของการเข้าถึงผู้บริโภคจะต้องเป็นไปแบบตรงใจและเหมาะสมตามกลุ่มเป้าหมาย

ใกล้ชิด ด้วยการขยายช่องทางจำหน่ายที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นออนไลน์  โมเดิร์นเทรด รวมถึงการเพิ่มสาขาพีเอฟพีช้อปจากเดิมที่มีอยู่ 9 แห่ง เพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่ในเขตกรุงเทพและปริมณฑลมากขึ้น อีกทั้งด้านการสื่อสารกับผู้บริโภค จะเน้นความใกล้ชิดในการส่งข่าวสารและรับฟังผู้บริโภคผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียต่างๆที่มีอยู่

ข้อสุดท้ายคือ มอบสิ่งที่ดี ด้วยวัตถุดิบที่มีคุณภาพ กระบวนการผลิตและเทคโนโลยีที่ทันสมัย บุคลากร ตลอดจนหน่วยงานวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ (R&D) ที่ร่วมกันพัฒนาเพื่อให้พีเอฟพีเป็นผู้นำธุรกิจอาหารทะเลแปรรูปในผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ตอบโจทย์ได้ตรงตามความต้องการ ทั้งเรื่องรสชาติและไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค ทุกเพศ ทุกวัย”

นางสาวปิยกาญจน์ ปิยะพัฒนา กรรมการบริหารกลุ่มบริษัท พีเอฟพี

นางสาวปิยกาญจน์ ปิยะพัฒนา กรรมการบริหารกลุ่มบริษัท พีเอฟพี เปิดเผยว่า “ด้วยพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เข้าสู่ยุค 4.0 ซึ่งเป็นการใช้ชีวิตแบบสมาร์ทไลฟ์อย่างชัดเจน โดยเฉพาะกลุ่มคนเมืองที่นิยมใช้เทคโนโลยีเพื่อความสะดวกสบาย ซื้อสินค้าอุปโภค บริโภค รวมถึงบริการต่างๆผ่านช่องทางออนไลน์ ทำให้พีเอฟพีต้องปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น โดยเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ได้มีการเปิดตัว PFP TASTY SHOP ซึ่งเป็นร้านค้าออนไลน์ ที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์ของพีเอฟพี

พีเอฟพีตั้งเป้าโต ด้วยกลยุทธ์ธุรกิจแบบ 4.0

PFP TASTY SHOP เริ่มจำหน่ายสินค้าในกลุ่มพร้อมทาน (Ready to Eat) ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ของพีเอฟพีที่จำหน่ายในต่างประเทศ ได้แก่ แกงเขียวหวานลูกชิ้นปลา พะโล้เต้าหู้ปลา ต้มยำซีฟู้ดส์ ผัดกะเพราปลา และคั่วกลิ้งปลา โดยผ่านแอพพลิเคชั่นเฟซบุ๊ก(Facebook) อินสตาแกรม(Instagram) LINE@(ไลน์แอด) เป็นช่องทางหลัก และยังมีจำหน่ายบนร้านค้าออนไลน์ อย่างลาซาด้า(Lazada) ซึ่งถือได้ว่าเป็นการเพิ่มช่องทางให้กับผู้บริโภค โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ วัยทำงาน หรือแม้กระทั่งวัยรุ่น ที่ชอบความสะดวกรวดเร็วและใส่ใจสุขภาพ

สำหรับงาน THAIFEX 2018 ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 29 พฤษภาคม – 2 มิถุนายน 2561 พีเอฟพีได้เตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ทั้งในกลุ่มอาหารแช่แข็ง ได้แก่ ห่อหมกปลา แกงกะหรี่ลูกชิ้นปลา โครเก้ต์ปลารสชาติใหม่ กลุ่มอาหารพร้อมทานที่มีปลาทูต้มหวานเป็นไฮไลท์  เมนูพื้นบ้านรสชาติไทยแท้ ด้วยปลาทูตัวใหญ่ก้างนิ่ม ทานง่าย เหมาะสำหรับคนทุกวัย และยังเป็นครั้งแรกของพีเอฟพีกับการแตกไลน์การผลิตของหวาน ธัญพืชห้าสีในน้ำตาลจากดอกมะพร้าว ที่มีคุณค่าและประโยชน์จากถั่ว 5 ชนิด ได้แก่ ถั่วขาว ถั่วแดง ถั่วดำ ถั่วเขียว และลูกเดือย รวมถึงน้ำตาลดอกมะพร้าว กลายเป็นของหวานที่อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุ ไม่มีคลอเรสเตอรอล โซเดียมต่ำ โดยในเดือนมิถุนายนนี้ ปลาทูต้มหวานจะเริ่มวางจำหน่ายใน PFP TASTY SHOP พร้อมกับผลิตภัณฑ์ตัวอื่นๆ ก็จะทยอยวางจำหน่ายเช่นเดียวกัน เพื่อให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้ว่าจะเพิ่มการจำหน่ายให้ครบภายในสิ้นปีนี้

ธัญพืชห้าสีในน้ำตาลจากดอกมะพร้าว

ปลาทูต้มหวาน

ทั้งนี้ผู้สนใจสามารถเยี่ยมชมบูธของกลุ่มบริษัท พีเอฟพี ได้ในงาน THAIFEX 2018 ที่บูธ R01-Q14 อาคารชาเลนเจอร์ 2 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ซึ่งมีกิจกรรมต่างๆมากมาย อาทิ การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ การเจรจาธุรกิจอาหารทั้งในประเทศและต่างประเทศ สาธิตการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเมนูอาหารจากผลิตภัณฑ์ของพีเอฟพี”

Facebook Comments
ติดต่อ Maganetthailand.com
Don`t copy text!