เปิดแล้ววันนี้!! โรงเรียนศิลปะการอาหารและผู้ประกอบการคูลิเนอร์ ตอบโจทย์การเป็น “เชฟมืออาชีพ” และ “ผู้ประกอบการร้านอาหาร” 

เปิดแล้ววันนี้!! โรงเรียนศิลปะการอาหารและผู้ประกอบการคูลิเนอร์
ตอบโจทย์การเป็น “เชฟมืออาชีพ” และ “ผู้ประกอบการร้านอาหาร” 

เปิดแล้ววันนี้!! โรงเรียนศิลปะการอาหารและผู้ประกอบการคูลิเนอร์ ตอบโจทย์การเป็น “เชฟมืออาชีพ” และ “ผู้ประกอบการร้านอาหาร”
กรุงเทพฯ – 14 กันยายน 2561 –  บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟผู้นำด้านธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารเปิดโรงเรียนศิลปะการอาหารและผู้ประกอบการคูลิเนอร์ (CULINEUR, School of Culinary Arts and Entrepreneurship)  อย่างเป็นทางการ ณ ศูนย์การค้าเอ็มโพเรียม ชั้น 

โรงเรียนศิลปะการอาหารและผู้ประกอบการคูลิเนอร์เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ใจกลางเมืองย่านธุรกิจบนห้างสรรพสินค้าเอ็มโพเรียม ชั้น เพื่อรองรับผู้ที่มีความสนใจด้านการทำอาหารหรือต้องการเป็นเจ้าของกิจการร้านอาหาร โดยมีอุปกรณ์ที่ครบครัน และการเรียนการสอนที่ทันสมัย (Innovative Learning) อาทิ การใช้ Smartboards Tablets และe-books ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนการสอนและส่งเสริมให้ผู้เรียนประสบความสำเร็จ

นายสุขวัฒน์ ด่านเสริมสุขประธานคณะผู้บริหารธุรกิจอาหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า โรงเรียนแห่งนี้จัดตั้งขึ้นตามวิสัยทัศน์ของนายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโสเครือเจริญโภคภัณฑ์ ที่ต้องการพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการร้านอาหารและเชฟมืออาชีพของไทยให้ก้าวสู่ระดับโลก ผู้เรียนต้องเข้าใจทุกกระบวนการการจัดการธุรกิจตั้งแต่การเลือกวัตถุดิบ การประกอบอาหาร การจัดการต้นทุน การตลาด การบริหารคน เป็นต้น เพื่อที่จะสามารถประสบความสำเร็จในสายงานของตนภายใต้การบริหารขององค์กรที่มุ่งสู่การเป็น ครัวของโลกอย่างซีพีเอฟ ที่นี่จะเป็นที่ที่สรรค์สร้างเชฟมากฝีมือควบคู่ไปกับการถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการบริหารจัดการธุรกิจอาหารในทุกด้านให้แก่ผู้เรียนได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ 

ด้วยความมุ่งมั่นที่จะสร้างเป็นโรงเรียนด้านศิลปะการอาหารที่มีชื่อเสียงในระดับภูมิภาคเอเชีย  โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านของการสร้างผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารและผู้ประกอบการที่จะก้าวไปสู่ครัวระดับโลก สร้างเชฟที่สามารถเป็นผู้นำและเจ้าของกิจการที่มีคุณภาพ โดยมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับอุตสาหกรรมนี้และแนวโน้มของตลาดในอนาคตด้วยคูลิเนอร์จึงไม่ใช่เพียงโรงเรียนสอนทำอาหารเท่านั้น แต่ยังเป็นโรงเรียนที่ถ่ายทอดความรู้โดยมีนักเรียนเป็นศูนย์กลาง ฝึกให้นักเรียนได้รู้จักคิด เผชิญปัญหา และแก้ไขปัญหาด้วยตนเอง” นายสุขวัฒน์กล่าว  

ทั้งนี้ หลักสูตรการเรียนการสอนของโรงเรียนคูลิเนอร์ ได้รับการออกแบบจาก Lausanne Hospitality Consulting (LHC) หน่วยงานด้านการศึกษาจาก Ecolé hôtelière de Lausanne (EHL)สถาบันสอนการโรงแรมที่เก่าแก่ที่สุดในโลกจากประเทศสวิสเซอร์แลนด์ผู้ฝึกสอนจึงมีวิธีการถ่ายทอดความรู้ความเข้าใจไปยังนักเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการเสริมสร้างบรรยากาศการเรียนที่กระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ และพัฒนาศักยภาพของตนเองไปพร้อมๆ กับปลูกฝังแนวคิดอย่างผู้ประกอบการ

นายแอนโทนี ออสบอร์น ผู้อำนวยการใหญ่ โรงเรียนคูลิเนอร์ กล่าวว่า หลักสูตรด้านการอาหารและผู้ประกอบการนานาชาติ ซึ่งเป็นหลักสูตรเอกลักษณ์ประจำของโรงเรียนศิลปะการอาหารและผู้ประกอบการคูลิเนอร์ได้รับการออกแบบและพัฒนาร่วมกับ LHCโดยมุ่งเน้นที่จะสร้างเชฟมืออาชีพและผู้ประกอบการร้านอาหารครบวงจร ด้วยบทเรียนที่ครอบคลุมตั้งแต่พื้นฐานด้านงานครัว การทำอาหารและเครื่องดื่มหลากหลายประเภท ไปจนถึงเรื่องการควบคุมมาตรฐานด้านความปลอดภัย การบริหารบุคคลากรและการบริหารจัดการ โดยผู้เรียนจะใช้เวลาเรียนทั้งสิ้น ปี ด้วยระบบการเรียนการสอนเป็นภาษาอังกฤษ 

ขณะที่ นางชัชชญา รักตะกนิษฐผู้อำนวยการฝ่ายการศึกษาโรงเรียนคูลิเนอร์ กล่าวเสริมว่า คูลิเนอร์ยังมีหลักสูตรระยะสั้นอีกมากมายซึ่งสอนเป็นภาษาไทย สำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มพูนทักษะของตนเองในระยะเวลาที่จำกัด ตั้งแต่อาหารไทย อาหารตะวันตก ขนมอบ ขนมหวาน การออกแบบอาหาร และการจัดการเบื้องต้น ซึ่งออกแบบมาให้เข้ากับความต้องการของตลาดในแต่ละช่วงเวลา รวมถึงสามารถตอบโจทย์ความต้องการของตลาดในอนาคตได้อีกด้วย

สำหรับการออกแบบสถานที่นั้น จากปรัชญาของโรงเรียนที่ว่าทุกๆที่คือห้องเรียน (Everywhere is a Classroom)” สะท้อนว่า ความรู้ต้องไม่จำกัดแต่เพียงในห้องเรียนเท่านั้น ดังนั้น ทุกพื้นที่ของโรงเรียน จะมุ่งเน้นส่งเสริมให้ผู้เรียนได้รับความรู้ด้วย โดยเริ่มที่ ห้องเรียน (Classroom)4 ห้อง ที่ได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากสีของอาหาร  เช่น ห้องสีน้ำตาลจากข้าวบาร์เล่ย์  ห้องสีม่วงจากมะเขือม่วง ห้องสีส้มจากส้มสายพันธุ์ไทย และห้องสีเขียวจากกระหล่ำปลี ภายในห้องเรียนแต่ละห้องได้นำสื่อการเรียนการสอนที่ทันสมัยมาใช้ อาทิ สมาร์ทบอร์ด แท็ปเลท และอีบุ๊คส์ เพื่อให้การเรียนการสอนและการสื่อสารระหว่างผู้เรียนและผู้สอนมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งนี้ ผู้ที่เรียนในหลักสูตรหลักสูตรนานาชาติด้านการอาหารและผู้ประกอบการจะได้รับแท็ปเลทคนละหนึ่งเครื่อง 
 

นอกจากนี้ยังมี ห้องเรียนครัวภาคปฏิบัติ (Demo Kitchen) อีก 6 ห้อง โดยแบ่งเป็นห้องสำหรับเบเกอรี่และเพสทรี่ และห้องสำหรับอาหารคาว โดยจุดเด่นของห้องเรียนครัวภาคปฏิบัติ คือการนำนวัตกรรมระบบฝ้าดูดควันและระบายอากาศ(Ventilation Ceiling) จากประเทศฮอลแลนด์ มาใช้เป็นที่แรกของโรงเรียนสอนทำอาหารในประเทศไทย ซึ่งมีลักษณะเป็นฝ้าสูงที่นอกจากจะทำให้ห้องเรียนดูโปร่งสบายแล้ว ยังส่งผลถึงการระบายอากาศที่จะเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึง มีห้องสำหรับการเรียนด้านเครื่องดื่ม (Beverage Tasting Room) โดยเฉพาะ ซึ่งไม่เคยมีโรงเรียนสอนทำอาหารที่ใดมาก่อนในประเทศไทย 

โรงเรียนยังประกอบไปด้วยร้านอาหาร ร้านเบเกอรี่ และบาร์เครื่องดื่ม เพื่อใช้เป็นพื้นที่สำหรับนักเรียนที่จะได้ฝึกการปฏิบัติงานจริง ทั้งในด้านการทำอาหาร การบริการ และการบริหารจัดการร้าน ประกอบด้วย 1.)ห้องอาหารการ์นิช(Garnish) ร้านอาหารที่เสนอการบริการแบบเต็มรูปแบบ (Full Service Restaurant) มีความพิถีพิถันในการส่งมอบความอร่อยพร้อมบริการที่ประทับใจ 2.)ห้องอาหารเฟลเวอร์ (Flavours) ห้องอาหารนานาชาติ ที่มอบประสบการณ์ความอร่อยในรูปแบบที่เป็นกันเอง 3.) ร้านเบเกอรี่และเพสทรี่เกลซ (Glaze) สำหรับผู้ที่ชื่นชอบขนมหวานและขนมอบ และ4.) เดอะบาร์ (The Bar) หลากหลายเครื่องดื่มทั้งชา กาแฟ ตลอดจนเครื่องดื่มเอกลักษณ์ประจำร้านที่ไม่เหมือนใคร

ผู้สนใจสามารถติดต่อเข้าเยี่ยมชมโรงเรียน หรือ สอบถามข้อมูลได้ที่ 02-090-2808 หรือ www.culineur.net

Facebook Comments
ติดต่อ Maganetthailand.com
Don`t copy text!