Those Who Wish Me Dead ใครสั่งเก็บตาย

Those Who Wish Me Dead ใครสั่งเก็บตาย

แนว  Action, Drama, Thriller 

เข้าฉาย 20 พฤษภาคม 2564

ผู้กำกับ Taylor Sheridan

นักแสดง Angelina Jolie, Nicholas Hoult, Finn Little

ค่ายหนัง Warner Bros. Pictures

เรื่องย่อ

ฮันนาห์ (แองเจลีน่า โจลี่) เจ้าหน้าที่ดับเพลิงสโมคจัมพ์เปอร์ หน่วยดับไฟป่าทางอากาศ ที่ต้องทนทุกข์อยู่กับความเจ็บปวด หลังล้มเหลวในภารกิจช่วยผู้ประสบภัยเหตุไฟไหม้กว่าสามชีวิต เมื่อได้พบกับเด็กชายวัย 12 ปีที่ดูตื่นตระหนกและไม่มีใครที่เขาสามารถพึ่งพาได้เลย

Those Who Wish Me Dead ใครสั่งเก็บตาย

ผลงานจากนิวไลน์ ซีเนม่า สู่ภาพยนตร์ระทึกขวัญเรื่อง “Those Who Wish Me Dead” นำแสดงโดยแองเจลีน่า โจลี่ (“Girl, Interrupted,” ภาพยนตร์ชุด “Maleficent”)  กำกับฯ โดยเทย์เลอร์ เชอริแดน (“Hell or High Water,” “Wind River”)

โจลี่รับบทฮานนาห์ นักผจญเพลิงที่ยังคงวนเวียนอยู่กับความสูญเสีย 3 ชีวิตที่เธอไม่สามารถช่วยได้จากเหตุไฟไหม้ เธอต้องเผชิญหน้ากับความเจ็บปวดและความสับสนในตัวเอง  ทั้งการเสี่ยงตายที่เธอต้องทุ่มสุดตัว หรือการได้รับมอบหมายให้เฝ้าหอสังเกตการณ์อย่างลำพังเหนือป่าอันกว้างใหญ่ในมอนทาน่า เมื่อคอนเนอร์เดินทางไปถึงที่นั่น เธอได้พบกับเด็กหนุ่มที่เต็มไปด้วยเลือดและอยู่ในอาการหวาดผวา พวกเขาต้องประคองกันข้ามป่าทึบในระยะทางหลายไมล์ แต่พายุที่โหมกระหน่ำได้สร้างความหวาดกลัวให้ฮานนาห์ที่ผ่านการฝึกทักษะฝีมือมาอย่างดีเยี่ยม พวกเขาไม่รู้ว่ากำลังจะพบกับอันตรายของจริงอย่าง 2 นักฆ่าที่ตามล่าคอนเนอร์อย่างไม่ยอมแพ้ และไฟป่าขนาดยักษ์ที่คืบคลานมาหาพวกเขาจนเผาทุกอย่างรอบตัวไปหมด พวกเขาอยู่ท่ามกลางความตายระหว่าง 2 ความชั่วร้าย ฮานนาห์จะยื้อให้พวกเขามีชีวิตอยู่รอดได้นานพอ เพื่อปกป้องคอนเนอร์และปลดปล่อยตัวเองได้หรือไม่?

ภาพยนตร์ยังรวมนักแสดงนิโคลาส ฮอลท์ (ภาพยนตร์ “X-Men”), ฟินน์ ลิตเติ้ล (“Reckoning”), ไอเดน กิลเลน  (“Game of Thrones,” “Peaky Blinders”), เมดิน่า เซงฮอร์ (“Happy!”), Tyler Perry (“Vice,” “Gone Girl”), เจค วีเบอร์ (“Midway,” “Homeland”) และจอน เบิร์นธัล (“Ford v Ferrari,” “Wind River”)

เชอริแดนกำกับฯ จากบทภาพยนตร์ของไมเคิล โครีทา และ ชาร์ลส เลวิตต์ และ เชอริแดน สร้างอิงจากหนังสือของโครีทา อำนวยการสร้างฯ โดยสตีเว่น เซลเลน, การ์เร็ตต์ แบช, อารอน แอล. กิลเบิร์ต, เควิน ทูเร็น และ เชอริแดน อำนวยการสร้างบริหารฯ โดยสตีเว่น ไธบอลต์, แอชลีย์ เลวินสัน, แอนเดรีย สปริง, เจสัน โคลธ, ริชาร์ด แม็คคอนเนล, แคทธริน ดีน, ไมเคิล ฟรีดแมน อำนวยการสร้างบริหารฯ โดยดาเรีย เซอร์เค้ก และ ซีเลีย คอง

ทีมงานเบื้องหลังฝ่ายสร้างสรรค์ของผู้กำกับฯ ได้แก่ ผู้กำกับภาพจาก “Wind River” ของเขา เบ็น ริชาร์ดสัน ผู้ออกแบบฉาก นีล สไปแซค และผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย คารี เพอร์คินส์ ผู้ลำดับภาพจาก “Yellowstone” แชด กัลป์สเตอร์ และผู้ประพันธ์ดนตรี ไบรอัน ไทเลอร์

Those Who Wish Me Dead

นิวไลน์ ซีเนม่า นำเสนอภาพยนตร์จาก a BRON Studios/FILMRIGHTS Production ร่วมกับ Creative Wealth Media, a Film by Taylor Sheridan เรื่อง “Those Who Wish Me Dead” จัดจำหน่ายทั่วโลกโดยวอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิกเจอร์ส ภาพยนตร์มีกำหนดฉายในสหรัฐฯ และทาง HBO Max วันที่ 14 พฤษภาคม 2021 และฉายทาง HBO Max ในระบบ 4K UHD, HDR10 และ Dolby Atmos ผ่านอุปกรณ์ที่รองรับใน 31 วันนับจากวันฉาย

ภาพยนตร์เรื่อง “Those Who Wish Me Dead” เป็นผลงานเรท R จากความรุนแรงและภาษาที่ใช้ในเรื่อง

รายละเอียดการถ่ายทำ

ฉันอยากเห็นว่าเลือดมาจากที่ไหน”ฮานนาห์

ไม่ใช่เลือดของผม…” – คอนเนอร์

Those Who Wish Me Dead

            ภาพยนตร์เรื่อง “Those Who Wish Me Dead” น่าจะบ่งบอกถึงเรื่องราวต่างๆ ได้จากชื่อเรื่อง มีการท้าทายความเป็นมนุษย์ในตัวเรา เมื่อมาพบกับเรื่องราวรุนแรงโดยธรรมชาติของเปลวไฟที่โหมกระหน่ำอย่างหนัก “เรามีเรื่องราวของการอยู่รอด เรื่องราวที่พัฒนาไปตามกาลเวลา และเรื่องราวของผู้หญิงคนหนึ่งที่หาจังหวะไถ่บาปจากเหตุการณ์ในอดีตที่น่าเศร้าของเธอ ทุกเรื่องราวเกี่ยวข้องเป็นหนึ่งเดียวกัน” ผู้กำกับฯ/ผู้ร่วมเขียนบทฯ/ผู้อำนวยการสร้างฯ เทย์เลอร์ เชอริแดนกล่าว เขาควบคุมรายละเอียดต่างๆ บนหน้าจอให้ตรงตามบทฯ

เมื่อนักแสดงในเรื่อง แองเจลิน่า โจลี่ ได้อ่านบทภาพยนตร์ของเชอริแดนเรื่อง “Those Who Wish Me Dead” เธอเล่าว่ามันมีส่วนผสมที่น่าสนใจหลายอย่างในงานเขียน จนทำให้เธอรู้สึกสนใจบท ฮานนาห์ นักผจญเพลิงที่ต้องประสบปัญหา “นี่เป็นตัวละครที่มีความตื่นเต้นเร้าใจ และต้องไปผจญภัยเสี่ยงตายในแบบที่ไม่ปกติ มีการเพิ่มสถานการณ์บางอย่างเข้าไปเพื่อให้พวกเขาได้อยู่ท่ามกลางไฟป่ากองยักษ์”

เชอริแดนเป็นผู้เขียนบทฯ จากผลงานดัดแปลงที่ ไมเคิล โครีตา และชาร์ลส เลวิตต์ นักเขียนได้เคยฝากผลงานเอาไว้ “สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมตื่นเต้นมากในการกำกับฯ เรื่องนี้คือการได้เข้าไปเล่นในโลกของฮานนาห์ มีการปรับเปลี่ยนโลกให้เหมาะสมสำหรับภาพยนตร์ มันเป็นสิ่งที่สนุกมากครับ ผมเฝ้ารอที่จะได้หลบหนีเข้าสู่โลกใบนี้เลย”

มีหลายฉากที่น่ายกย่องสำหรับการถ่ายทอดเรื่องราวในบรรยากาศที่กดดันท่ามกลางบริเวณรกร้างว่างเปล่าของอเมริกา ขณะเดียวกันยังมีตัวละครที่ถ่ายทอดจังหวะ ความเครียด พัฒนาการของตัวละครและฉากแอ็คชั่นอื่นๆ ออกมาอย่างงดงาม โจลี่เล่าว่า “ฉันคิดว่าทุกวันนี้มีผู้สร้างภาพยนตร์เพียงไมกี่คนที่เล่าเรื่องราวได้สนุกสนานและมีสาระ พร้อมปลดปล่อยอารมณ์ มุกตลก และฉากแอ็คชั่นออกมาได้พร้อมกันอย่างเทย์เลอร์ค่ะ เขาไม่ได้เขียนออกมาเพียงอย่างเดียว แต่เพราะเขาทำหน้าที่กำกับฯ ด้วย ทำให้เราได้ตัวละคร เนื้อเรื่อง และอารมณ์ความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมมาก เขามีเอกลักษณ์ของตัวเองอย่างแท้จริงเลยค่ะ”

การเข้ามารับหน้าที่ผู้กำกับฯ ของเขาเริ่มขึ้นทันที หลังจากที่เขาเริ่มดัดแปลงเนื้อเรื่อง “ในบางส่วนของผมได้ผ่านการปรับเปลี่ยน และผมก็เริ่มเขียนบทใหม่เพื่อการกำกับฯ ของผมเอง เมื่อคุณต้องกำกับฯ เนื้อเรื่องที่คุณเขียนขึ้นมาเอง ขั้นตอนก็มักจะเป็นแบบนี้ละครับ”

เรื่องราวในหนังมีการปรับเปลี่ยนจากหนังสือในหลายส่วน ซึ่งเป็นการดัดแปลงที่เกิดขึ้นทั่วไปสำหรับภาพยนตร์ เชอริแดนอธิบายว่า “มีการถ่ายทอดเรื่องราวที่ต่างออกไป เราอยากให้ทุกอย่างออกมาตรงตามเจตนารมณ์ของหนังสือ แต่หนังสือมีการถูกเขียนออกมาให้อ่านและนึกภาพตาม ส่วนบทภาพยนตร์มาการเขียนออกมาและถ่ายทำเป็นภาพยนตร์” แต่เขารู้ดีว่าจะต้องยึดถือให้ตรงตามหลักความเป็นจริง เขาเล่าต่อว่า “มันมีการเน้นไปยังสิ่งที่ผู้ชมจะได้เห็นมากกว่า ผมเริ่มเขียนบางฉากขึ้นมาเป็นพิเศษ มีการจัดเตรียมภาพ เสียง จังหวะความเร็วของฉากต่างๆ ในแบบที่ผมจะใช้”

โครีตาเล่าว่า “ตอนที่ได้ยินว่าเทย์เลอร์ เชอริแดนจะมาร่วมงานด้วย ผมรู้สึกดีใจมากเพราะผมเคยดูเรื่อง ‘Hell or High Water’ และ ‘Sicario’ ตอนที่มีการฉาย ‘Wind River’ ผมเดินออกจากโรงภาพยนตร์และคิดว่าเขาเป็นคนที่เหมาะกับโปรเจ็กต์นั้นแล้ว ไม่ใช่แค่เราแชร์ความรู้สึกของเรื่องราวร่วมกันได้ แต่เขาเข้าใจโลกของหนังอย่างแท้จริง เขาอาศัยอยู่ที่ไวโอมิง เคยอยู่ในบรรยากาศทุ่งเลี้ยงสัตว์และภูเขา เขาใช้รถลากบนหิมะออกไปนอกแบร์ทูธ มันยากมากที่จะหาตัวผู้กำกับฯ ที่รู้จักโลกในเรื่องราวของเราเป็นอย่างดีและมีความสามารถขนาดนั้น ผมคิดว่าเขาเป็นคนหนึ่งที่เก่งมากและเหมาะกับเรื่องนี้”

เมื่อบลูปรินท์ของเขาลงตัวเรียบร้อยแล้ว เชอริแดนได้เล่าให้ฟังว่า “ผมส่งบทไปให้แองจี้และถามว่าเธออยากมาแสดงมั้ย เมื่อเรานึกถึงจุดเด่น ความสามารถ การเข้าถึงตัวละครอย่างลึกซึ้ง ลักษณะท่าทาง และคนที่ผมมั่นใจว่าจะมาสวมบทฮานนาห์ได้ แองจี้คือคนที่เหมาะสมครบทุกข้อตามที่กล่าวมา”

โจลี่เล่าว่า “ฉันรู้สึกอินกับตัวละครหญิงที่มีความแข็งแกร่ง แต่ประเด็นสำคัญไม่ได้อยู่ที่ฮานนาห์เป็นผู้หญิง ไม่ได้อยู่ที่เธอเป็นหญิงแกร่งหรือผู้หญิงอะไรเลย ฉันชอบบทบาทแนวนั้น และฉันชอบที่มันเกี่ยวกับผู้ทำหน้าที่รับใช้อเมริกา ได้มีส่วนถ่ายทอดเรื่องราวของพวกเขา”      

ในช่วงแรกของเรื่องจะแบ่งเรื่องราวออกเป็น 2 ฝั่ง เรื่องแรกเป็นของฮานนาห์ที่ไม่ได้แนะนำแค่เธอเป็นนักผจญเพลิงที่เก่งที่สุด แต่ยังแสดงให้เห็นถึงร่องรอยบาดแผลจากอดีตของเธอที่ยังไม่เลือนหาย ส่วนอีกเรื่องเกี่ยวกับเด็กผู้ชายที่ชีวิตพลิกผันทันที เมื่อพ่อของเขารู้ว่าทุกคนกำลังอยู่ในอันตรายจึงเบี่ยงรถลงถนน คอนเนอร์อยู่ในอาการที่สับสน

เชอริแดนเลือกนักแสดง ฟินน์ ลิตเติ้ล มารับบทคอนเนอร์ ซึ่งเขาดูเด็กกว่าตัวละครในหนังสือนิดหน่อย ส่วน เจค วีเบอร์ มารับบทพ่อของเขา เจคทำงานเป็นนักตรวจสอบบัญชีซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้พวกเขาต้องพบกับเรื่องเลวร้ายอย่างคาดไม่ถึง ผู้สร้างภาพยนตร์ยังคัดเลือก นิโคลัส ฮอลท์ ที่มีความแตกต่างจากแพทริค มารับบทฆาตกรย่องเบาที่ร่วมมือกับฆาตกรเลือดเย็นอีกรายที่ชื่อ แจ็ค รับบทโดยไอเด็น กิลเลน ทั้งคู่สามารถแสดงได้ภายใต้การกำกับในสไตล์ของไทเลอร์ เพอร์รี่ แต่ตรงกับตัวละครของอาร์เธอร์ จอน เบิร์นธัลรับบทอีธาน ผู้บังคับใช้กฎหมายที่เป็นทั้งเพื่อนสมัยมหาวิทยาลัยของฮานนาห์และเป็นผู้คุ้มกันของคอนเนอร์ พร้อมด้วยเมดิน่า เซงโฮลที่มารับบท อัลลิสัน ภรรยาของเขา

ภาพยนตร์ถูกออกแบบและถ่ายทอดออกมาโดยผู้ร่วมงานในอดีตของผู้กำกับฯ หลายคน เช่น ผู้ออกแบบฉาก นีล สไปแซค ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย คารี เพอร์กินส์ และตากล้อง เบ็น ริชาร์ดสัน พร้อมด้วยผู้ลำดับภาพ แชด กัลป์สเตอร์ ผู้ประพันธ์ดนตรี ไบรอัน ไทเลอร์ และทีมงานผู้ควบคุมสเปเชียลเอ็ฟเฟ็กต์ของแดเนียล ฮอลท์ ผู้รับหน้าที่ผลิตและควบคุมภาพของเปลวเพลิงที่ลุกโชน รวมถึงรายละเอียดอื่นๆ เนื้อเรื่องช่วงแรกจะเป็นบรรยากาศของป่ามอนทาน่า ซึ่งเป็นตัวละครหลักที่มีจริงในเรื่องและมีบรรยากาศเป็นของตัวเอง ตั้งแต่บรรยากาศเงียบสงบไปจนถึงบรรยากาศแห่งความเดือดดาล และไปจนถึงบรรยากาศของนิวเม็กซิโกที่เห็นท้องฟ้าอันกว้างใหญ่

เชอริแดนออกความเห็นว่า “ผมรู้สึกหลงใหลกับประโยคช่วงที่กฎหมายต้องหลีกทางให้กฎแห่งธรรมชาติ ในยามจำเป็นกฎระเบียบต่างๆ ที่สร้างขึ้นมาเพื่อควบคุมพวกเรากลับต้องถูกลบล้างไป ผมรู้สึกว่านี่คือสิ่งที่สร้างความตื่นเต้น ผสมกับเรื่องราวของตัวละครต่างๆ และมีการกำหนดให้พวกเขามาอยู่ท่ามกลางเปลวไฟ ในมุมของผู้สร้างภาพยนตร์ฯ ผมรู้สึกตื่นเต้นมาก และชื่อว่านักแสดงเองก็เช่นกัน ตราบใดที่ผมสามารถสร้างโลกใบนี้ได้เหมือนเป็นตัวละครอีกตัวหนึ่ง ผมก็อยากถ่ายทอดออกมาแบบนั้น ผมคิดว่ายิ่งเราใช้ชีวิตอยู่ในเมืองมากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งเชื่อมโยงกับโลกของเราน้อยลง ฉะนั้นหากมีโอกาสทำให้โลกของเรามีตัวตนเหมือนเป็นดาวดวงหนึ่งได้ ผมก็อยากทำแบบนั้น”

Those Who Wish Me Dead

ผมไว้ใจคุณได้หรือเปล่า?” – คอนเนอร์

ฮีโร่

ฮานนาห์ยืนอยู่เหนือบริเวณที่รกร้างของมอนทาน่า เธอไม่เหลืออะไรนอกจากความโดดเดี่ยว แต่เมื่อเธอสังเกตเห็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งจากมุมของเธอที่มีเปลวไฟลุกท่วม เขาแสดงออกถึงความหวาดกลัวอย่างชัดเจน เขาวิ่งหนีแต่เธอจับตัวเขาไว้ จากมุมเธอเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเขาต้องการความช่วยเหลือ สัญชาตญาณแห่งความเป็นผู้ช่วยชีวิตทำให้เธอก้าวเข้าไป แม้ว่าเขาจะไม่เต็มใจให้เธอเข้าใกล้นัก แต่การได้พบเขาในช่วงที่ชีวิตเธอกำลังอ้างว้างโดดเดี่ยว อาจเป็นสิ่งที่ทำให้เห็นว่าเธอต้องการอะไรเช่นกัน

โจลี่เล่าถึงตัวละครของเธอว่า “ฮานนาห์ได้ผ่านเหตุการณ์เศร้าสลด และเธอรู้สึกว่ามีส่วนต้องรับผิดชอบ ช่วงที่เราพบกับเธอในเรื่อง เธอกำลังอยู่ในอาการฝันร้ายเพราะต้องจมอยู่กับความเศร้าหลังเหตุการณ์ที่สะเทือนใจอย่างรุนแรง เธอต้องอาศัยความกล้ามาเผชิญหน้าและทำเหมือนไม่มีอะไร แต่ในใจของเธอแตกสลายและกำลังแบกรับความรู้สึกผิดครั้งใหญ่”

ไม่ว่าความรู้สึกผิดนั้นควรจะแบกรับไว้หรือไม่ก็ตาม เชอริแดนได้เล่าว่า “นักผจญเพลิงลงมือทำตามชื่ออาชีพจริงๆ พวกเขากระโดดออกจากเครื่องบินลงสู่พื้นที่หลังกองไฟ มีการลงพื้นที่เพื่อพยายามควบคุมกองไฟให้สงบให้ได้   มันเป็นงานเสี่ยงตายที่ยากจะเชื่อ และเป็นงานที่ต้องอาศัยความกล้าหาญสูงมาก

“When the least dangerous thing you do is jump out of a plane on your way to work,” he continues, “it takes a certain type of person that’s really eager to push themselves and find out what they’re made of, ซึ่งฮานนาห์มีคุณสมบัติที่เหมาะสมมาก เพราะเธอเต็มใจพร้อมเอาชีวิตเข้าไปเสี่ยง”

มักจะถูกคิดกันว่าเป็น “กองทัพพิเศษ” แห่งการผจญเพลิง เพราะนักผจญเพลิงจากที่สูงล้วนเป็นบุคคลที่คัดสรรมาแล้ว ผ่านการฝึกฝนเป็นพิเศษเพื่อผจญกับเปลวไฟ เขาคือบุคคลแรกที่จะเข้าไปควบคุมเปลวไฟในพื้นที่อันกว้างใหญ่ โดยจะเข้าสู่พื้นที่นั้นด้วยการโดดร่มชูชีพและเข้าสู่พื้นที่ไฟป่า และมักจะเป็นคนกลุ่มแรกที่เข้าถึงพื้นที่เกิดเปลวไฟขนาดใหญ่

แม้ว่าในชีวิตจริงนักผจญเพลิงส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชาย แต่ฮานนาห์คือตัวอย่างของผู้หญิงอีกหลายคนที่มีความกล้าหาญและพร้อมอุทิศชีวิตเพื่ออาชีพนั้น “นักผจญเพลิงหญิงคือสิ่งที่ไม่ค่อยพบเห็นนัก แต่พวกเธอมีตัวตนจริง” โครีตากล่าว “ทีมงานหญิงที่เต็มไปด้วยความกระตือรือร้นก็อยู่ในกลุ่มนั้นเช่นกัน ผู้หญิงต้องแบกลากอุปกรณ์ที่มีน้ำหนักเท่ากับที่ผู้ชายแบก ในทีมการทำงานนั้นมีผู้หญิงที่มีความสามารถและมีความกล้าหาญหลายคนมาก”

เชอริแดนกล่าวเสริมว่า “คนที่จะปฏิบัติหน้าที่นั้นได้ต้องคิดถึงตัวเองทีหลัง เรามักจะได้ยินเรื่องนักดับไฟในเมืองที่รีบวิ่งเข้าไปในตึกที่เกิดไฟไหม้เพื่อช่วยชีวิตสัตว์เลี้ยง นั่นเป็นเพราะพวกเขาอุทิศชีวิตเพื่อคนอื่น เพื่อปฏิบัติภารกิจให้ลุล่วงตามเป้าหมาย ฮานนาห์เองก็เช่นกัน และความรับผิดชอบนั้นมาพร้อมกับปีศาจร้ายที่เราต้องเผชิญ เพราะในการทำงานของเราความเป็นและความตายคือหนึ่งเดียวกัน เราจะได้เห็นคนที่ต้องสละชีวิตให้เหตุการณ์นั้น คนที่ไม่ได้กลับมา และต้องนึกภาพว่าเราจะรับมือกับมันอย่างไร”

โจลี่ได้บอกเล่าพื้นฐานตัวละครของเธอว่า “โจลี่โตมาในครอบครัวที่มีแต่ผู้ชายและเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นศรัทธา ทุกคนพร้อมรับใช้ประเทศชาติและสังคม เธอเป็นคนที่มีความกระตือรือร้นตื่นตัวสูงมาก ฉันคิดว่าใครก็ตามที่มาทำงานนั้นจะต้องมีคุณสมบัตินี้ ไม่งั้นก็คงไม่กล้ากระโดดออกจากเครื่องบินสู่กองไฟ ฉันเป็นคนหลงใหลกับตัวละครที่ผ่านเรื่องราวเลวร้าย และค่อยหาทางก้าวข้ามผ่านมันออกมาให้ได้คะ ในฐานะของนักแสดงมันเป็นการเยียวยาจิตใจได้ดีมากในการรับบทแบบนั้น เพราะถ้าเราสวมบทบาทนั้นได้แล้วชีวิตจริงเราได้ทำอะไรแบบนั้น มันเป็นความรู้สึกที่ดีมากค่ะ และหวังว่าผู้ชมจะรู้สึกแบบเดียวกัน มันเหมือนการเตือนเราด้วยว่าทุกคนเป็นฝ่ายสนับสนุนอยู่เบื้องหลังได้”

การทำงานของฮานนาห์ต้องใช้ร่างกายอย่างหนัก เชอริแดนรู้ดีว่าโจลี่พร้อมที่จะทุ่มเทเพื่อรับหน้าที่นั้น “แองจี้เป็นคนทุ่มสุดตัว เธอแสดงทุกอย่างและแสดงฉากผาดโผนเองหลายฉากด้วย มันเป็นความทุ่มเทแบบเดียวกันกับที่ผมถ่ายทำภาพยนตร์ เพราะผมพยายามพาผู้ชมเข้าไปอยู่ท่ามกลางเรื่องราวที่เกิดขึ้น ต่อให้ไม่ใชนักแสดงพวกเขาก็จะได้เห็นภาพนั้นเหมือนกัน มันเลยต้องอาศัยความทุ่มเทของแรงกายหนักมาก”

“มันต้องใช้พลังกายเยอะมากจริงๆ ค่ะ” โจลี่ยืนยันและเล่าต่อว่า “แต่ฉันตืนเต้นที่จะได้กระโดดเข้าไปในหนังของเทย์เลอร์ และเป็นหนึ่งในตัวละครของโลกใบนี้ ฉันรู้ว่าเขาต้องสอนอะไรบางอย่างในโลกใบนั้นแน่ ฉันรู้ว่าเทย์เลอณ์จะจับฉันไปวางอยู่กลางเรื่องอย่างไร้ความปราณี แต่ฉากผาดโผนก็สนุกดีนะคะ มันเป็นความรู้สึกที่ดีที่ได้หวนกลับมาเล่นอะไรแบบนั้น เพราะมันนานมากนับตั้งแต่ฉากต่อสู้ครั้งล่าสุด มันเป็นความรู้สึกที่ดีมากที่ได้กลับมาฟิตร่างกายและแสดงฉากแอ็คชั่นอีกครั้ง”

เชอริแดนได้เปิดเผยว่า “แองจี้ต้องฝึกซ้อม 4 ครั้งต่อสัปดาห์ เรามีการลงมือฝึกซ้อมกันอย่างจริงจังจนถึงจุดที่เธอสามารถกวัดแกว่งขวานได้ มันดูเหมือนเธอรู้วิธีการแกว่งขวานในแบบที่นักผจญเพลิงมักจะทำกันจริงๆ เลย แถมยังมีการปีนป่ายอีกหลายฉากด้วย ผมมักจะเรียกแองจี้ทุกวันโดยพูดว่า ‘ผมอยากให้พุชอัพ 300 ครั้ง!’ เขาหัวเราะ “แต่ในความเป็นจริงแล้วเรามีการแสดงด้วยลวดสลิงกันเยอะมากครับ ซึ่งเธอชำนาญเรื่องการใช้ลวดสลิงมาก เลยกลายเป็นว่าไม่มีอะไรใหม่สำหรับเธอเลย”

“ฉันมีความสุขค่ะที่ได้ทำร่างกายให้แข็งแรง ได้อยู่ในสภาพมอมแมมและเหงื่อออก ได้ทำอะไรหลายอย่างที่ฉันไม่เคยทำมาก่อนและรู้สึกว่าเราทำได้จริงๆ เทย์เลอร์สอนวิธีการตัดต้นไม้และเริ่มจุดดไฟ ตอนนี้เขาต้องสอนวิธีขี่ม้าให้ฉันแล้วละค่ะ” โจลี่กล่าวติดตลก

ทีมงานและนักแสดงของเชอริแดนผ่านฉากแอ็คชั่นทั้งหมดไปอย่างราบรื่น มีทั้งการกระโดดที่ถ่ายทำกันจริงให้ได้มากที่สุด มีการเลือกใช้วิชวลเอ็ฟเฟ็กต์บางส่วนสำหรับนักแสดงและนักแสดงผาดโผนไปพร้อมกับการถ่ายทำจริงของผู้กำกับฯ มีการติดตั้งลวดสลิงที่ปลอดภัยภายใต้การดูแลของทีมแสดงผาดโผน นำทีมโดยผู้ควบคุมการแสดงผาดโผด เวด อัลเล็น โจลี่สามารถกระโดดเหนือเปลวไฟที่ความสูงเท่าตึก 60 ฟุตด้วยตัวเองได้

ความทุ่มเทของเธอเกิดขึ้นตั้งแต่การค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับบทของเธอ โจลี่ได้ขอคำปรึกษาจากนักผจญเพลิงตัวจริงและนักดับเพลิงคนอื่นๆ ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการแสดงของเธอ เพื่อช่วยให้บุคลิกท่าทางและตัวละครของเธอดูสมจริง นักแสดงหญิงได้เล่าว่า “ฉันนับถือนักผจญเพลิงและสิ่งที่พวกเขาทำมากค่ะ แค่คิดถึงเรื่องการแบกอุปกรณ์ทุกอย่าง กระโดดเข้าไปในกองไฟ เข้าไปในต้นไม้ ต่อสู้กับความร้อนจากเปลวไฟจะเป็นอย่างไร? ฉันจินตนาการว่าคนที่มีอาชีพนั้นต้องมีความสามัคคี ทำงานกันเป็นทีมเวิร์ค และผูกพันกันอย่างบรรยายไม่ถูก นอกจากนั้นยังมีฉากแอ็คชั่น การผจญภัย และการเสี่ยงตายที่เกิดขึ้น ภาพยนตร์จะทำให้คุณสัมผัสได้ถึงมิตรภาพ ความรัก และความซื่อสัตย์ที่แท้จริงด้วย”

ความซื่อสัตย์และความไว้ใจคือ 2 สิ่งที่ฮานนาห์ได้รับจากคอนเนอร์อย่ารวดเร็ว เชอริแดนเล่าถึงเรื่องที่เกิดขึ้นตอนที่ฮานนาห์ได้พบกับเขาว่า “ฮานนาห์พบว่าตัวเองอยู่ในสถานการณ์ที่มีโอกาสจะได้ชดเชยความผิด ได้ใช้หนี้แทนคนอื่นที่อยู่ในสถานการณ์ที่ยากจะเอาชนะได้ ซึ่งตอนนี้เธอมีโอกาสช่วยเหลือแล้ว”

แต่คอนเนอร์กลับไม่ทำให้มันเป็นเรื่องง่าย เพราะบรรยากาศนั้นทำให้เขาต้องอยู่ในสภาพที่ต้องลำบากใจ เชอริแดนอธิบายเพิ่มว่า “สิ่งที่คอนเนอร์พบเจอถือว่าสาหัสสำหรับคนที่ยังเด็กมาก แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกนอกจากเผชิญหน้ากับมัน”

ฟินน์ ลิตเติ้ลรับบทเด็กผู้ชายที่ต้องเผชิญหน้ากับความท้าย ลิตเติ้ลเล่าว่า “คอนเนอร์สูญเสียแม่ไปแล้ว พ่อของเขาเลยเป็นเหมือนทุกสิ่ง จนกระทั่งวันหนึ่งระหว่างทางที่ขับรถไปโรงเรียน พ่อของเขาเกิดอาการคุ้มคลั่งและทั้งคู่ได้เดินทางออกนอกเมือง จนกระทั่งพ่อของเขาได้รับบาดเจ็บ คอนเนอร์กลัวการอยู่คนเดียวมากเพราะเขาไม่เหลือใครแล้ว”

คอนเนอร์ได้วิ่งออกไปขอความช่วยเหลือ ทำให้ฮานนาห์สังเกตเห็นเขาจากหอสังเกตการณ์ “ตอนแรกเขาไม่ไว้ใจเธอสักเท่าไหร่ แต่คอนเนอร์เปลี่ยนใจเพราะพวกเขาเคยรู้จักกันมาก่อน เธอเริ่มเข้าใจว่าเขากำลังรู้สึกอย่างไร เขาเคยผ่านอะไรมาบ้าง และจะเยียวยาเขาได้อย่างไร” ลิตเติ้ลกล่าว

โจลี่เล่าว่า “ฟินน์รับบทคอนเนอร์ เด็กที่เป็นตัวละครสำคัญในหนังของเรา เขาเคยเจอเรื่องราวสะเทือนใจและต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวจนมาพบฮานนาห์ คอนเนอร์กับฮานนาห์เป็นการจับคู่กันได้แปลกมาก เรานำคนที่มีบาดแผลทั้งคู่มาเจอกัน ท่ามกลางความรู้สึกที่รีบเร่งจากหลายสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งนั่นทำให้เกิดความเครียดและสีสันของหนังเรื่องนี้ มันเป็นบทที่หนักเอาเรื่อง ฉะนั้นหากคุณเจอเด็กที่อายุน้อยเกินไป เจอเรื่องสะเทือนใจหนักเกินไป ไม่เอาใครทั้งนั้นแม้แต่ฉันในร่างของฮานนาห์ที่สัญญากับเขา พยายามเข้าหาเขา แสดงว่ามันถึงจุดที่โหดร้ายแล้ว ทุกสิ่งที่เราทำเพื่อเขาในเรื่องล้วนเป็นความทุ่มเทที่สูงมาก

“ในอีกมุมหนึ่ง” เธอเล่าต่อว่า “ถ้าเราเจอเด็กที่มีความมั่นใจ ดูหยิ่ง หรือเรียบร้อย มันจะอารมณ์ต่างไปสำหรับผู้ชม เพราะฟินน์อยู่ระหว่างกึ่งกลางและพอเขาเดินเข้ามาก็เห็นภาพนั้นชัดเจนเลย”

เชอริแดนเล่าว่า “ถ้าผมหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่ตอนคัดเลือกตัวนักแสดง ผมจะไม่ต้องทำงานหนักในฐานะผู้กำกับฯ เลย เป้าหมายของผมคือพยายามหานักแสดงที่มีความสามารถและลงตัวกับสิ่งที่ผมจินตนาการเอาไว้ เราสอดส่องหาทุกแห่งจนได้พบกับฟินน์ที่ออสเตรเลีย เขาบันทึกเทปตัวเองและส่งมาให้ผม เราให้เขาบินมาที่ลอสแองเจลิส เขาอยู่ท่ามกลางนักแสดงเด็กที่มีพรสวรรค์อีกหลายคน และเขาคือคนที่ได้บทนี้ไปครอง”

ลิตเติ้ลเล่าว่า “เทย์เลอร์ช่วยผมได้มากเลยครับ เขารู้ว่าตัวเองต้องการอะไร และเขาต้องแน่ใจด้วยว่าผมจะถ่ายทอดสิ่งนั้นออกมาได้ ผมชอบมุมมองที่เขามีต่อสิ่งต่างๆ และมันช่วยให้ผมเห็นเรื่องราวผ่านมุมมองของเขา ผมชอบออกไปข้างนอกกับแองเจลิน่า เธอเป็นคนแม่ที่มีลูกๆ เป็นคนสนุกสนานและร่าเริงมาก เธอเป็นคนนิสัยดีน่าอยู่ใกล้ครับ”

“สัญชาตญาณของฉันที่มีต่อลูกๆ คือการรับฟังค่ะ” โจลี่กล่าว “แต่ฮานนาห์ยังไม่มีลูก และยังไม่มีสัญชาตญาณของความเป็นแม่ เธอให้สัญญาไว้หลายเรื่อง เธอพูดแต่สิ่งที่ไม่ควรพูดออกมา เธอน่าจะเป็นคนที่รับมือกับเด็กได้แย่ที่สุดเลยก็ว่าได้ค่ะ การรับมือกับเด็กที่ต้องการเธอเพื่อความอุ่นใจ.. เธอขาดศรัทธาในตัวเองว่าจะทำได้ ตลอดทั้งเรื่องเธอพยายามมีชีวิตอยู่รอดต่อไปเพื่อเขา เธอรู้สึกผูกพันกับเขาและต้องเผชิญกับทุกสิ่งที่เธอหวาดกลัว คอนเนอร์และฮานนาห์ต้องข้ามผ่านเปลวไฟ ทั้งทางร่างกายและความรู้สึก แต่เทย์เลอร์บอกทิศทางที่สำคัญให้ฉันว่าต้องหยุดแสดงออกถึงความเป็นแม่และแข็งแกร่งเข้าไว้” เธอหัวเราะ “ฟินน์กับฉันพบความตลกจากตัวละครที่ดูไม่เข้ากันเอาซะเลย จนสุดท้ายเรากลายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันค่ะ” 

“เราตลกกันตรงที่ตัวละครของเราเหมือนกับคู่หูหนังแอ็คชั่นฮีโร่ที่คนหนึ่งจะดูบ้าคลั่ง แต่เราก็ต้องข้ามผ่านเปลวเพลิงไปด้วยกัน” เธอเล่าต่อว่า “ฟินน์เป็นเด็กที่มีความมุ่งมั่นมากกว่า เขาเข้าถึงหลายความรู้สึกได้ดี เห็นแววได้ชัดเลยว่าเขาต้องเดินทางสายนี้อย่างมืออาชีพได้แน่นอน เขามีทั้งความสดใสและพลังที่เต็มเปี่ยมอยู่ในตัว เขารักและเคารพทุกคนที่อยู่ในฉาก ในมุมของนักแสดงเขาก็พร้อมลองทำทุกอย่าง แถมยังเล่นฉากแอ็คชั่นได้ดีด้วยอีกค่ะ ฉันคิดว่าผู้คนจะให้การตอบรับเขาอย่างดีในเรื่องนี้ เกิดความสงสารและใส่ใจคอนเนอร์ตัวละครของเขาไปด้วยค่ะ”

บทของลิตเติ้ลยังทำให้เขาได้แสดงผาดโผนบางส่วนด้วย “ผมต้องใช้ลวดสลิงในการแสดงด้วย มันสนุกมากเลยครับ” เขากล่าว “ผมรักทุกสิ่งที่เกี่ยวกับฉากแอ็คชั่นเลย ทั้งเบาะ อุปกรณ์ต่างๆ เพื่อความปลอดภัย และมีการสวมหมวกป้องกันด้วย ผมตกลงมาที่พื้นประมาณไม่กี่เมตร มันสนุกมากเลยครับที่ได้ทำอะไรแบบนั้น”

นักแสดงยังสนุกกับฉากผาดโผนที่อยู่ในน้ำด้วย “พวกเขามีแทงค์น้ำขนาดใหญ่ที่จะให้ผมกับแองเจลิน่าเข้าไปอยู่ในนั้น ผมเป็นนักกีฬาว่ายน้ำด้วยเลยรับมือกับเรื่องใต้น้ำได้สบาย ทีมงานทุกคนมีความชำนาญและช่วยเหลือผมดีมาก มันสนุกดีครับที่ได้ร่วมงานกับพวกเขาและได้ดูพวกเขาทำอะไรอีกหลายอย่าง”

การเดินทางมาจากออสเตรเลียทำให้ลิตเติ้ลต้องมารับมือกับการทำงานอีกขั้นที่ต่างไปในนิวเม็กซิโก ซึ่งอยู่เหนือระดับน้ำทะเลหลายพันฟุต “คุณจะรู้สึกหิวน้ำมาก” เขากล่าว “เวลาที่อยู่ระดับน้ำทะเลเราจะวิ่งเยะแค่ไหนก็ได้ ทุกกิจกรรมที่ใช้ร่างกายทำได้หมด แต่พอขึ้นมาถึงระดับนี้แล้วกลับรู้สึกเหนื่อย! ถ้านึกภาพว่านักผจญเพลิงตัวจริงมาทำอะไรกันตรงนี้บ้าง คุณจะรู้สึกทึ่งมาก!”

จอน เบิร์นธัลรับบทเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายในเรื่อง เขาเคยร่วมงานกับฮานนาห์ และต่างภาวนาว่าจะสร้างความปลอดภัยให้คอนเนอร์ได้… หากคอนเนอร์มาอยู่กับเขาได้ทันเวลา 

เบิร์นธัลมีความเห็นว่า “อีธานเป็นนายอำเภอที่อยู่กับอัลลิสันภรรยาของเขา พวกเขาอยากสร้างชีวิตที่สงบเรียบง่ายนี้ไปด้วยกันอย่างมีความสุข และทั้งคู่มีลูกด้วยกันคนหนึ่ง ใช้ชีวิตกันอย่างเงียบๆ ในป่า จนกระทั่งพวกเขาได้รับสายจากอดีตน้องเขยของอีธานว่ากำลังมีคนตามล่าพวกเขา และจะมาเอาตัวลูกชายไปด้วย เขาคิดว่าหากทุกคนอยู่ที่นั่นน่าจะปลอดภัยกว่า แต่คนที่ตามล่าเขากลับรู้เรื่องนั้น เพื่อไม่เป็นการเล่าเรื่องอะไรมากเกินไป ก่อนที่พวกเขาจะเจอตัวอีธานและภรรยา ลูกชายของพวกเขาต้องซ่อนตัวอย่างปลอดภัยอยู่ในป่า”

และนั่นไม่ใช่อุปสรรคเดียวที่อีธานต้องเจอ “เขาหาตัวคอนเนอร์ไม่พบ แต่สุดท้ายเขาพบว่าตัวเองกำลังเดินเข้าไปยังกลางกองไฟป่าขนาดมหึมา” เบิร์นธัลเล่าต่อว่า “มันเป็นสถานการณ์ที่ไม่มีทางเลี่ยง มันสนุกดีนะครับที่ได้รับบทเป็นคนที่ต้องหาทางรอดชีวิตให้ได้ เขาเคยใช้เวลาผ่านการฝึกฝนและเตรียมตัว แต่ตอนนี้เขาไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร ทุคกนที่อยู่รอบตัวเขาก็อยู่ในความเสี่ยง เขาเป็นคนที่อยู่ท่ามกลางทุกสิ่งทุกอย่าง เขาต้องค่อยๆ พยายามคิดหาทางออกในสถานการณ์แบบนี้ พยายามทำให้ทุกคนที่อยู่รอบตัวปลอดภัยและทำให้ตัวเองมีชีวิตอยู่รอดต่อไปให้ได้”

เบิร์นธัลเคยร่วมงานกับเชอริแดนมาก่อน เขามีความสุขที่ได้ร่วมงานกับผู้กำกับฯ เป็นครั้งที่ 3 โดยเล่าว่า “ผมคิดว่าเทย์เลอร์ เชอริแดนเป็นนักเล่าเรื่องชาวอเมริกันที่เก่งมากคนหนึ่งเลยครับ เขาเข้าใจเรื่องทางฝั่งตะวันตกเป็นอย่างดี เขาเข้าใจเรื่องป่าไม้ที่มีขนาดใหญ่และการใช้ชีวิตอยู่ห่างจากตัวเมืองเป็นอย่างไร หากคุณดูหนังทุกเรื่องของเขา มันจะมีความหนักแน่นและสมจริงอยู่ในเรื่อง ผมรักการทำงานร่วมกับเขานะครับ”

อัลลิสัน ภรรยาของอีธานที่รับบทโดยเมดิน่า เซงฮอร์ เชอริแดนได้เล่าว่า “ผมพบความเป็นนักแสดงในตัวเมดิน่าที่มีพรสวรรค์อย่างโดดเด่นชัดเจน ส่วนจอน เบิร์นธัลก็เป็นเพื่อนรักของผม ผมพยายามให้เขามาอยู่ในหนังทุกเรื่องที่ผมร่วมงาน พวกเขาเหมือนส่วนผสมที่ดูแล้วน่าตื่นเต้นดี ผมคิดว่าหนังจะออกมาสนุกมากขึ้นถ้ามีพวกเขาอยู่ในเรื่องด้วย”

เรื่องาวของอัลลิสันและอีธานเหมือนตัวแทนของการมีชีวิตอยู่รอด เชอริแดนเล่าว่า “อัลลิสันลีธานอยู่ในบรรยากาศที่เต็มไปด้วยกฎแห่งธรรมชาติ และกฎทางกฎหมายในเวลาเดียวกัน พวกเขามาจากจุดที่เราต้องอาศัยทั้งไหวพริบ ความฉลาด ประสบการณ์ และการเตรียมตัวล่วงหน้ามาอย่างดีเพื่อรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ และผมก็รักจิตใจที่มุ่งมั่นของอัลลิสัน รวมไปถึงร่างกายเธอที่เข้มแข็งและมีความตั้งใจด้วย”

เซงฮอร์ได้เล่าถึงตัวละครของเธอให้ฟังว่า “อัลลิสันกับอีธานสามีของเธอเป็นเหมือนตัวแทนในเมือง พวกเขาบริหารโรงเรียนฝึกให้เอาตัวรอดด้านภัยพิบัติ และกำลังจะมีลูกด้วยกัน พวกเขาใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ชีวิตแต่งงานราบรื่น และชีวิตแต่งงานของพวกเขาก็เกี่ยวข้องกับโอเว่นและคอนเนอร์ โอเว่นเป็นคนชอบคิดล่วงหน้าไปก่อนเรา เพราะเขาคิดว่าที่นี่น่าจะเป็นสถานที่ปลอดภัยสำหรับเรา และเขาชอบคิดล่วงหน้าว่าจะต้องทำอะไรต่อไป ส่วนพวกเราจะคอยช่วยเหลือพวกเขา แต่ก็คาดเดาเรื่องความสูญเสียที่กำลังจะมาถึงเราไม่ได้เลย”

“เมดิน่าเป็นคนที่มีพลังครับ” เบิร์นธัลกล่าว “เทย์เลอร์ตัดสินใจเขียนเรื่องให้มีผู้หญิงที่ดูกล้าลุย และพร้อมลงมือทำทุกอย่าง ซึ่งมันก็มีความสมจริงและถูกต้องในมุมนั้นอยู่”

เซงฮอร์อินกับตัวละครของเธอได้ในหลายด้าน เธอเล่าว่า “ฉันคิดว่าประเด็นต่างๆ เกี่ยวข้องกับเรื่องความพยายาม ความอดทน ส่วนเรื่องไฟเปรียบเทียบกับการเผาไหม้ ไม่ว่าจะเกิดขึ้นเพราะมนุษย์หรือธรรมชาติก็ตาม มันจะเข้ามาท้าทายเราในแบบที่เรานึกภาพไม่ออก เราจะรับมือกับมันอย่างไรและด้วยวิธีไหน นั่นคือหัวใจสำคัญของการผจญภัยในเรื่องค่ะ”

Those Who Wish Me Dead

คุณยอมตายเพื่อเด็กคนนี้เหรอ?” – แพทริค

ตัวร้าย

จากไฟป่าและการทำลายล้างที่เกิดขึ้นทั่วโลกตามที่เห็นในข่าวช่วงหลายปีที่ผ่านมา นี่อาจกล่าวได้ว่าตัวร้ายของเรื่อง “Those Who Wish Me Dead” คือเปลวไฟ เพราะเชอริแดนให้เหตุผลว่า “เปลวไฟไม่มีความหมายอื่นใด ไม่มีจุดประสงค์อื่น นอกจากการเผาไหม้ เปลวไฟมีคุณสมบัติของการสร้างอุปสรรคแบบตัวละครร้ายที่อยากสร้างความเจ็บปวด นั่นแหละคือไฟ”

สุดท้ายแล้วไม่ว่าจะเกิดไฟขึ้นที่ไหน ที่นั่นย่อมมีการเกิดใหม่ขึ้น ซึ่งผลลัพธ์ในเรื่องนี้ได้เกิดอะไรขึ้นหลายอย่าง “ไฟเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาถึงจุดสำคัญและการแก้ไขของเรา มันอาจเกิดจากเจตนาหรือสิ่งที่เลวร้าย แต่สุดท้ายมันย่อมมีแนวทางของมันเอง”

วายร้ายที่แท้จริงของเรื่องคือแพทริคและแจ็คที่จ้างฆาตกรมาจัดการตามคำสั่งของพวกเขา นิโคลัส ฮอลท์รับบทแพทริค แม้เขาจะมีอายุน้อยกว่าแจ็คแต่ก็ลงมือทำงานได้อย่างไม่มีความลังเลอะไร

“ตามเรื่องราวแล้วแพทริคเคยผ่านการเป็นทหารมาก่อน” ฮอลท์กล่าว “เขาถูกจ้างให้มารับงานนี้ เขากับแจ็คเต็มที่กับงานเสมอ เมื่อพวกเขารับงานมาแล้วจะไม่ยอมวางมือจนกว่าจะทำงานได้สำเร็จ”

ไอแดน กิลเล็นรับบทแจ็คที่เลือดเย็นไร้หัวใจ “ผมขอเรียกว่าเรื่องนี้เป็นผลงานที่แสวงหาความตื่นเต้น เทย์เลอร์เป็นผู้กำกับฯ ที่รับผิดชอบทุกด้านของเรื่อง และผมต้องมารับบทบาทที่ถ่ายทอดภาพในเรื่องออกมาอย่างชัดเจน” โดยเฉพาะฉากในป่าที่ยากจะให้อภัยได้ “เราเริ่มขับรถไปและมีการไล่ล่ากัน พื้นที่ตรงนั้นมีลมแรงดูสวยแต่มีความกระด้าง คุณจะเข้าใจแรงจูงใจของตัวละคร ความหวาดกลัว และสัญชาตญาณแห่งการเอาตัวรอด หรือสัญชาตญาณของการฆ่า

“ตัวละครของเราโดยเฉพาะแจ็คมีภูมิต้านทานเรื่องการสังหารเป็นอย่างดี” กิลเล็นเล่าต่อว่า “เขาถูกฝึกซ้อมมาเพื่อทำสิ่งนี้ สำหรับเขามันมีแค่เรื่องการกำหนดเป้ามาย” หรืออีกนัยหนึ่งเรียกว่า “เราต้องเป็นคนเลวให้ได้เพื่องานที่จะออกมาดี พวกเขาได้รับเงินมาเพื่อทำเรื่องแย่ๆ อย่างมืออาชีพให้เรียบร้อย ซึ่งทุกอย่างควรจะเป็นเช่นนั้น… แต่กลับไม่”

“ระหว่างแพทริคกับแจ็คเหมือนกันร่วมงานกันอย่างพอเป็นพิธี” ฮอลท์กล่าว “พวกเขาคุยกันแบบตรงไปตรงมา จะเข้าใจได้ชัดเจนว่าพวกเขาพยายามทำงานให้สำเร็จ และจะลงมือทำอะไรแบบไหนมาก ไอแดนเป็นนักแสดงที่ฝีมือดีมาก เขาสนุกกับการแสดงหลายฉากแถมยังมีมุกตลกอีกด้วย เขามีสัญชาตญาณของนักฆ่าอยู่ในตัว และมันสนุกมากที่ได้รับบทนั้นคู่กับเขา เพราะผมชอบดูผลงานของเขา ชอบดูการถ่ายทอดตัวละครอย่างมีสีสันของเขา”

กิลเล็นรู้สึกดีใจที่เชอริแดนไม่คาดหวังกับการจับคู่นักแสดงมากนัก “สำหรับการคัดตัวของนิคกับผม ผมหวังไว้ว่าเราไม่ต้องรับบทเป็นนักฆ่าอย่างเอาเป็นเอาตายขนาดนั้น ผมเคยรับบทฆาตกรมาบ้าง แต่ผมคิดว่าเทย์เลอร์คัดนักแสดงได้กว้างกว่า ไม่จำเป็นต้องมีแผลเป็นบนใบหน้าด้วย” เขาหัวเราะ

แม้ว่าพวกเขาต้องเผชิญกับสิ่งที่ไม่เป็นใจ แต่ความล้มเหลวก็ไม่ใช่ทางเลือกที่พวกเขาจะยอมรับได้ ทั้งแจ็คและแพทริคไม่คิดถึงมันด้วยซ้ำ” ตัวละครแต่ละตัวในเรื่องต่างต้องหาทางเอาชีวิตรอดให้ได้สุดชีวิต” ฮอลท์กล่าว การเอาตัวรอดของพวกเขาขึ้นอยู่กับความสูญเสียของอีกฝ่ายที่พวกเขามีเป็นเดิมพัน “เนื่องด้วยสภาพบรรยากาศและการคลี่คลายของเรื่อง ตัวละครของเราต้องไปลักพาตัวคุณพ่อออกมา นั่นคือสิ่งที่กำหนดเอาไว้ แต่ทั้งคู่กลับพบว่าทุกอย่างไม่เป็นไปตามแผน ทำให้ต้องมีการปรับเปลี่ยนวิธี จนพวกเขาพบว่าตัวเองต้องไปอยู่ในจุดที่ไม่มีทางหนีหรือบทสรุปที่ลงเอยด้วยดีสำหรับใครสักคนเลย”

เชอริแดนเล่าว่า “เราได้พบกับตัวละครแพทริคและแจ็คที่ถูกเทรนมาอย่างดีเพื่อทำสิ่งนี้ เขาต้องอยู่ในบรรยากาศที่แปลกหูแปลกตา ตอนนี้ทั้งคู่พบกับโจทย์ใหม่ที่ต้องแก้ให้ได้ ความสนุกของเรื่องมันอยู่ตรงนั้น บรรยากาศมีผลต่อตัวละครทั้งหมด ต้องอาศัยไหวพริบ ความกล้า และความมุ่งมั่นเพื่อข้ามผ่านทุกอย่างไปให้ได้”

ฮอลท์เล่าว่า “แพทริคและแจ็คมีความน่าสนใจเพราะพวกเขาไร้ความปราณี ตอนที่อ่านบทรู้สึกว่าเป็นอะไรที่พิเศษมาก ผมอยากร่วมงานกับเทย์เลอร์และดูว่าเขาทำงานแบบไหน ผมเป็นแฟนพันธุ์แท้ของเขาและคิดว่าหนังที่เขากำกับฯ รวมถึงเขียนบทฯ ออกมามันได้ทั้งภาพและการเล่าเรื่องที่สนุก ค่อนข้างเป็นหนังที่หาได้ยากที่จะมีมุมตื่นเต้นเร้าใจไปพร้อมกับตัวละครที่ต้องหาทางเอาตัวรอดอย่างเต็มที่”

“ไอเด็นและนิคต่างเป็นนักแสดงที่ประสบความสำเร็จและมีพรสวรรค์” เชอริแดนกล่าว “ผมต้องเข้าใจมุมมองตัวละครทั้งหมดเวลาที่ถ่ายทอดเรื่องราว ไม่จำเป็นต้องเห็นดีเห็นงามด้วย แต่ผมต้องมีเซนส์ในสิ่งที่พวกเขาทำ ผมม่อยากดูพวกคนโรคจิตเดินทางไปทั่วรอบโลกเพื่อก่อเหตุอันตราย เพื่อให้ฮีโร่ของผมมีอะไรจัดการและเป็นฝ่ายชนะ ผม อยากเข้าใจถึงแรงขับเคลื่อนที่ส่งผลต่อบุคคลนั้น ผมคิดว่ามันอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง และทำให้ผู้ชมสัมผัสได้ถึงความแปลกใหม่และความสมจริงของโลกใบนั้น ในโลกแห่งความจริงเราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าใครเป็นฝ่ายชนะ เราอยากมอบประสบการณ์นั้นให้ผู้ชมรู้สึกได้ว่า ‘โอ้ พระเจ้า ฉันไม่รู้เลยว่าจะเป็นแบบนี้’  นั่นล่ะเป้าหมายของผม”

โจลี่เล่าถึงการร่วมงานกับฮอลท์ในฐานะศัตรูตัวละครของเธอว่า “มันอยู่ที่ว่าศัตรูของเราเก่งแค่ไหน ทั้งนิคและไอแดนต่างเป็นนักแสดงที่เก่ง พวกเขาเข้มแข็งและถ่ายทอดสีสันสู่บทบาทได้อย่างเต็มที่ ตอนที่นิคคัดเลือกตัวนักแสดง ฉันรู้เลยว่าเขากับฉันต้องฟัดกันตายไปข้างแน่ๆ ฉันรู้จักเขาตั้งแต่เขาเริ่มเข้าวงการค่ะ ตอนที่เขาอายุราวเดียวกับฟินน์ ฉันจำได้ว่าไม่เคยเห็นเขารับบทที่น่ากลัวและโหดเหี้ยมมาก่อน ซึ่งเขาก็แสดงออกมาได้ดีมากค่ะ มันน่าจะดูยากมากในการสวมบทบาทนั้นเพราะเขาไม่ใช่คนแบบนั้นเลยค่ะ”

            แพทริคกับแจ็คจะคอยส่งข่าวให้ชายลึกลับที่ชื่ออาร์เธอร์ รับบทโดยไทเลอร์ เพอร์รี่ เขาเล่าว่า “ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับแพทริคและแจ็คมีประเด็นสำคัญ เขาคือเจ้านายที่เป็นผู้ชักใยทุกอย่าง เมื่อเขาต้องเจอกับแจ็คตอนที่เกิดเรื่องผิดแผน เขาเปิดเผยตัวตนให้เห็นว่ายอมทำทุกอย่างเพื่อให้แผนสำเร็จ คนเจ็บหรือล้มตายไม่สำคัญเท่าความลับทุกอย่างยังถูกปกปิดไว้เป็นอย่างดี”

2 สิ่งที่เพอร์รี่รักในการร่วมงานเรื่องนี้ เขาเล่าว่า “แม้ว่าจะมีช่วงที่ดูน่าสลดใจมาก แต่ผมคิดว่านี่เป็นเรื่องของการเอาชนะและข้ามผ่านความเลวร้ายของเราไปให้ได้ โลกที่เต็มไปด้วยเปลวไฟและจิตใจที่คุ้มคลั่ง และผมรักการสร้างภาพยนตร์ในแบบของเทย์เลอร์ด้วย เวลาที่เอ่ยชื่อ ‘เทย์เลอร์ เชอริแดน’ และ ‘แองเจลิน่า โจลี่’ ผมต้องหาเวลาทำให้มันเกิดขึ้นจริงให้ได้เลย”

Those Who Wish Me Dead

ทำไมพวกเขาส่งคุณไปอยู่หอสังเกตการณ์?” – อีธาน

ฉันโชคดีละมั้ง” – ฮานนาห์

การออกแบบฉาก / สถานที่ / การออกแบบเครื่องแต่งกาย / เสียงดนตรี

เรื่องราวเกิดขึ้นที่มอนทาน่า นอกเมืองคูกไปทางเหนือของอุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตน โจลี่เล่าว่า “มันเป็นพื้นที่ส่วนหนึ่งในอเมริกาที่เทย์เลอร์รัก รู้จักและถ่ายทอดออกมาด้วยความเคารพ มีรูปแบบที่สวยงามมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว และถ่ายทอดความเป็นธรรมชาติของโลกส่วนนี้ออกมาได้”

เชอริแดนเล่าว่า “ที่นั่นเป็นป่าทึบบริสุทธิ์อุณหภูมิต่ำกว่า 48 และงานที่ฮานนาห์ต้องทำเป็นงานที่นั่งอยู่กับที่ในหอสังเกตการณ์คอยเฝ้าดูไฟป่า สิ่งสำคัญคือต้องนั่งตรงนั้นและพยายามนึกภาพว่าจะเกิดอะไรขึ้น และตัดสินใจว่าจะยอมให้ไฟธรรมชาติลุกโชนได้มากเพียงใด เราจะรับมือกับมันได้แค่ไหน? ส่วนใหญ่แล้วพวกเขาจะไม่ยอมให้ใครหรือธรรมชาติเป็นฝ่ายจุดชนวนไฟ หากมีใครเป็นคนเริ่มพวกเขาก็จะรีบจัดการ แต่หากเป็นเหตุจากธรรมชาติ พวกเขาก็จะปล่อยให้มันเป็นไป”

แม้ว่ากองถ่ายจะใช้สถานที่ในมอนทาน่า แต่ก็มีการถ่ายทำกันจนเสร็จสมบูรณ์ที่นิวเม็กซิโก เชอริแดนอยู่ร่วมงานที่นั่นด้วยตลอดได้เล่าถึงการถ่ายทำว่า “ในเรื่องของเราพวกฉากก็นับเป็นตัวละครหนึ่ง และพอเราเริ่มออกสำรวจหาสถานที่ ตั้งแต่ Santa Clara Pueblo ไปจนถึง Jemez Mountains และเนินเขาแมนซานอส เรารู้เลยว่านิวเม็กซิโกมีภาพโดยรวมแบบที่เรื่องนี้ต้องการ”

เมื่อมาถึงขั้นตอนของการสร้างโลกใบนี้ขึ้นมา ผู้ออกแบบฉาก นีล สไปแซ็ค มีส่วนร่วมสำคัญในทีมของเชอริแดนและเคยร่วมงานกับเขาในเรื่อง “Wind River” และ “Yellowstone” สำหรับเรื่อง “Those Who Wish Me Dead” เชอริแดนได้เล่าว่า “นีลสร้างป่าขนาดใหญ่ขึ้นมา พร้อมลำคลองที่ไหลเป็นน้ำตกได้กลางทะเลทรายที่ห่างจากสนามบินนานาชาติแอลบูเคอร์คีย์ถึง 10 ไมล์ นับว่าเป็นความท้าทายอย่างหนึ่ง จากนั้นเขาได้สร้างหอสังเกตการณ์ขึ้นมาอีก 3 แห่ง โดยมีแห่งหนึ่งจะใช้วางกลางทะเลทรายเพื่อสำรวจป่าจำลองของเรา ส่วนอีกอันจะอยู่ในป่า และอันสุดท้ายเราจะใช้ในฉากที่ถ่ายทำบริเวณด้านใน

“เท่ากับว่านีลต้องรับภารกิจขนาดใหญ” เชอริแดนเล่าต่อว่า “เขาเหมือนกับผมที่ชอบเอาทุกอย่างไปอยู่ในเลนส์ ไมค่อยจะใช้คอมพิวเตอร์กราฟฟิคหรือวิชวลเอ็ฟเฟ็กต์ ทำให้โลกดูสมจริงมากกว่า”

ขั้นตอนสุดท้ายสไปแซ็คและผู้ควบคุมวิชวลเอ็ฟเฟ็กต์ แดน ฮอลท์ ต้องช่วยกันสร้างป่าที่เต็มไปด้วยต้นไม้ขึ้นมาโดยใช้โพรเพน  “เรามีต้นไม้จริง 110 ต้นที่แผนกต้นไม้ปลูกเอาไว้” ฮอลท์อธิบาย “แต่ละต้นถูกจัดเรียงเอาไว้สำหับการเผา เราเลยต้องมีต้นไม้จากโพรเพน 110 ต้น และเรามีการเสริมตอไม้จากโลหะ ทำให้ฉากหลังมีความสูงและเห็นเปลวไฟเป็นวงกว้างได้ เรามีการศึกษาค้นคว้าด้านเทคนิคและหารือกันเรื่องความปลอดภัยสำหรับฉากนี้ จนได้บทสรุปที่เราจะมีการเผาต้นไม้ทีละส่วน อาจจะเป็นครั้งละ 20, 25 ต้น”

เนื่องจากเปลวไฟ ควัน และฝุ่นขี้เถ้าคือสิ่งที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติและมีทิศทางของมันเอง การสร้างเปลวไฟระดับพายุทอร์นาโดขนาดย่อมโดยธรรมชาติกลางป่า หน้าที่พวกเขาคือต้องเก็บภาพนั้นและถ่ายทอดออกมาสู่ผลงานสุดท้ายให้ได้

ฮอลท์ได้อธิบายว่า “พวกเราทำหน้าที่ทำให้ส่วนของตอไม้ติดไฟ ส่วนวิชวลเอ็ฟเฟ็กต์จะจัดการเรื่องสภาพท้องฟ้า เพราะเราถ่ายทำฉากนั้นกันยาวนานกว่า 4 วัน ถ้าเราสร้างเปลวไฟจริงบนท้องฟ้าได้ ฉากของเราคงโดนเผาไปด้วยภายในครึ่งวัน ลำต้นไม้จะถูกทาสารไวไฟเพื่อทำให้ติดไฟได้ตลอดการถ่ายทำ 4 วัน”

“ความสนุกอยู่ที่เราได้สร้างป่าจำลองขึ้นมากลางทะเลทรายที่นิวเม็กซิโก หลังจากนั้นไม่นานก็มีนกเริ่มมาทำลังบนต้นไม้ในป่าที่โรงถ่ายของเรา กระรอกเริ่มมาวิ่งเล่นกัน แถมเรายังเจอทั้งงู หนู และสัตว์อีกหลายประเภทด้วย” เชอริแดนเล่าต่อว่า “ตอนแรกเราคิดว่ามันก็ดีนะ แต่เรานึกขึ้นได้ว่าต้องมีการเผาฉากทั้งหมดนี่ อีก 5 วันถัดมาเราเลยต้องไล่พวกสัตว์ต่างๆ ไม่ให้เหลือในป่าจำลองของเราก่อนที่พวกมันจะตาย แต่ก็น่าแปลกที่กลางทะเลทรายมีสัตว์เหล่านี้ข้ามทะเลทรายมาอยู่ในป่าของเราได้”

ฉากแอ็คชั่นถ่ายทอดออกมาโดยตากล้อง เบ็น ริชาร์ดสัน และทีมงานของเขา เชอริแดนเคยร่วมงานกับเขาในภาพยนตร์หลายเรื่องในอดีตได้เล่าว่า “เบ็นกับผมมองโลกในแบบเดียวกัน เรามีความชอบศิลปะเหมือนกัน สิงที่เราพูดคุยกันเลยเป็นเรื่องการตอกย้ำภาพและถ่ายทอดรายละเอียดต่างๆ ทำให้มันดูมีอารมณ์และพลังในแบบที่เราหวังว่าผู้ชมจะสัมผัสได้ตอนดูหนัง ตัวย่างเช่น เราอยากให้เปลวไฟดูมีชีวิต มีพลังเหนือกว่าทุกสิ่งที่อยู่รอบตัว นั่นก็ต้องอาศัยศิลปะในการสร้างความงดงาม เพื่อทำให้มันดูมีชีวิตจริงๆ ไม่ใช่แค่ถ่ายภาพทิวทัศน์ออกมา หมายความว่าต้องใช้ฟิลเตอร์หลายแบบและเรทของการกระทบแสงต่างกันไป”

สำหรับการสร้างความสมจริงให้ตรงตามจินตนาการของผู้สร้างภาพยนตร์ ทีมงานฝ่ายสรส้างสรรค์รู้วาพวกเขาต้องทำให้ไฟดูเป็นธรรมชาติเวลาที่อยู่ในป่า “ผมไม่อยากพูดถึงคนที่อาศัยวิชวลเอ็ฟเฟ็กต์อย่างหนักหน่วง ผมแค่อยากลองสร้างทุกอย่างที่จับได้จริงบนหน้าจอ ผมถูกถามด้วยว่าเราจะสร้างไฟป่าขึ้นมาได้อย่างไร ผมตอบไปว่า ‘เราต้องออกไปกลางทะเลทราย และสร้างป่าขนาด 300 เอเคอร์ขึ้นมา จากนั้นผมจะสร้างไฟขึ้นมาให้เอง’  และนั่นคือสิ่งที่เราทำกันจริงๆ”

เจสัน เฉิน ผู้ควบคุมวิชวลเอ็ฟเฟ็กต์ของเรื่องและเชอริแดนคุยกันหลายเรื่องว่าจะสร้างวิชวลเอ็ฟเฟ็กต์อยางไรบ้าง แทนการใช้ฉากซีจีจำลองขึ้นมา ซึ่งวิธีที่ดีที่สุดคือการถ่ายทำจริงทุกอย่างบนหน้าจอ และเรามีทีมวิชวลเอ็ฟเฟ็กต์คอยช่วยพัฒนาภาพที่เราถ่ายมา มีการเสริมบางอย่างเข้าไปแต่ไม่สร้างอะไรแทนที่ของจริง

เชอริแดนออกความเห็นว่า “ความสนุกอย่างหนึ่งเกี่ยวกับการจำลองไฟขึ้นมาด้วยคอมพิวเตอร์กราฟฟิคคือทั้งหมดจะถูกควบคุมโดยสมการทางคณิตศาสตร์ หมายความว่ามันจะมีจังหวะของไฟ โดยธรรมชาติแล้วไฟจะไม่มีจังหวะอะไรแบบนั้น มันถึงเป็นเรื่องยากที่จะใช้วิชวลเอ็ฟเฟ็กต์สร้างขึ้นมาอย่างไม่มีกฎเกณฑ์ แต่เราได้มีการเสริมวิชวลเอ็ฟเฟ็กต์เข้าไปเพื่อการถ่ายเปลวไฟจริงบนหน้าจอ และคอมพิวเตอร์จะมีการสุ่มลักษณะของไฟให้”

นอกจากเรื่องความงดงามอย่างมีศิลปะแล้ว ผู้สร้างภาพยนตร์ยังคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นอันดับแรกด้วย จากสภาพบรรยากาศที่พวกเขาถ่ายทำทุกฉากด้วยความระมัดระวังและภายใต้คำแนะนำของมืออาชีพ บริเวณที่เกิดไฟป่าอาจสร้างหลุมขนาดใหญ่ขึ้นกลางทะเลทรายที่อยู่ใกล้ Mesa Del Sol ของแอลบูเคอร์คีได้ ซึ่งพวกเขาต้องแน่ใจว่าเปลวไฟจะไม่มีการกระจายวงกว้างตามลมสู่พื้นที่อื่น 

สถานที่อื่นสำหรับฉากต่างๆ ก็มีความท้าทายต่างกันไป มีที่หนึ่งเป็นฉากหลังเกิดไฟป่าตั้งอยู่บริเวณเนินเขาสูง 9,000 ฟีต ซึ่งเป็นที่ๆ ไม่มีใครกระโดดเข้าไปกัน สตั๊นท์จั๊มเปอร์ของเราเป็นผู้ชำนาญด้านดิ่งพสุธา เขาต้องขึ้นไปบนเฮลิคอปเตอร์ที่ความสูงเกือบ 14,000 ฟีต และเข้าไปในบริเวณที่ฝ่ายต้นไม้ดูแลอยู่แต่เต็มไปด้วยสภาพป่าหลังเกิดไฟเผา ที่นั่นมีสมาชิกทีมดิ่งพสุธาไม่ต่ำกว่า 8,000 คน และผ่านประสบการณ์มาแล้วราว 18,000 และ 22,000 รอบกันทั้งนั้น

ระหว่างการถ่ายทำได้มีการว่าจ้างชาวท้องถิ่นนิวเม็กซิโกราว 675 คนมาอยู่ท่ามกลางทีมงานและนักแสดง โดยมีการถ่ายทำกันในสถานที่และบริเวณโดยรอบเบอร์นาลิลโล ทอร์แรนซ์ แซนดูวัล และริโอ อาร์ริบา รวมถึงที่ซานตา คลาราพัวโบล

การจัดเสื้อผ้าให้นักแสดงเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของ คารี เพอร์คินส์ ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกายที่เคยร่วมงานกับเชอริแดนมาแล้วในเรื่อง ‘Wind River’ “หน้าที่ของเธอมีความท้าทายมาก เพราะเราอยากให้นักแสดงทุกคนดูดีที่สุด แต่เราก็ต้องการความสมจริงด้วย” เชอริแดนกล่าว “เสื้อผ้าของนักผจญเพลิงไม่ได้ดูโดดเด่นที่สุดในเรื่อง นั่นคือเหตุผลที่เราไม่เคยเห็นการถ่ายแบบภาพของนักผจญเพลิงแต่งชุดแบบนั้นกันเป็นกลุม มันควรเป็นชุดที่ช่วยทำให้เราเอาตัวรอดได้ ไม่ใช่ชุดที่สวยบนรันเวย์”

เพอร์คินส์จำได้ว่า “เทย์เลอร์ส่งข้อความมาหาฉันว่า ‘ผมกำลังทำหนังเรื่องหนึ่ง มันเหมือนกับ “Wind River” แต่เกี่ยวกับไฟ มีแองเจลิน่า โจลี่ร่วมงานด้วย คุณอยากมาร่วมงานด้วยมั้ย?’ ฉันตอบโอเคและเขาก็ส่งบทฯ มาให้ฉันเลยทันทีค่ะ มันน่าตื่นเต้นมาก ฉันรักไอเดียของนักดับเพลิงหญิงแกร่ง มีพลัง ดูเก่งที่สุดในนั้นอย่างฮานนาห์ ฉันคิดว่ามันเป็นเรื่องที่แปลกใหม่ และฉันก็ชอบอัลลิสันด้วย”

นักผจญเพลิงต้องกระโดดพร้อมกับอุปกรณ์เฉพาะ ได้แก่ ชุดวันพีซประจำตัว อุปกรณ์ยา อุปกรณ์ที่ใช้ลุยเข้ากองไฟไปพร้อมกับพวกเขา บางคนใช้วิธีแบกไป บางคนจะส่งทางอากาศในภายหลัง เพื่อให้ทุกคนใช้ดำรงชีพได้สักพักหนึ่งหากยังไม่ได้รับความช่วยเหลือ

ผู้ออกแบบได้ศึกษาข้อมูลและได้ผลิตเอผ้าเพื่อถ่ายทอดภาพของนักดับเพลิงหลายแบบ นักผจญเพลิง และผู้บังคับใช้กำหมาย รวมถึงมีการใช้เครื่องแบบจริงของนักผจญเพลิงด้วย แต่ความท้าทายสำคัญคือตัวละครฮานนาห์ เพราะเธอไม่ได้วิ่งฝ่าดงป่าและโดดออกจากหอเพียงย่างเดียว พาร์คินส์เลาว่า “เธอต้องเผชิญหลายอย่าง มีช่วงหนึ่งที่เธอต้องคลุกฝุ่นและเขม่าควันทั้งตัวด้วย”

แต่เพอร์คินส์ได้เล่าว่ามันก็มีความท้าทายหลายอย่างอยู่ในนั้นเช่นกัน “มันไม่ใช่แค่ลักษณะท่าทางที่ดูมอมแมมทั่วไป เพราะเราไม่ได้ถ่ายทำติดต่อกันทันที เราต้องวางแผนกันและจินตนาการว่าทำไมคราบสกปรกต้องอยู่ตรงนั้น ทุกอย่างมีการตัดสินใจอย่างระมัดระวังทุกย่างก้าว เราต้องรู้ว่าเธอมีคราบที่เข่าเพราะเธอคลานด้วยมือและเข่า เธอมีร่องรอยที่แขวนเพราะรู้ว่าเธอต้องวิ่งผ่านคราบเขม่าควันทางนี้ และอีกหลายรอยก็เช่นกัน

“จากนั้นเรายังมีร่องรอยที่เหมือนคราบเขม่าจากสายฟ้าด้ววย เราต้องค้นหาข้อมูลกันเยอะมากว่ามันมีหน้าตาแบบไหน” เธอเล่าต่อว่า “โชคดีที่เรามีทีมยอมสีผ้าที่เก่งและคอยช่วยเหลือเรื่องนั้นตลอด”

เนื่องจากไทม์ไลน์ของภาพยนตร์มีระยะที่สั้นมาก โจลี่สามารถแต่งตัวได้เพียงไม่กี่ชุด “เธอต้องทำงานในชุดกางเกงขายาวที่เห็นเธอสวมไว้เกือบทั้งเรื่อง และเธอต้องผ่านเรื่องราวหนักๆ เหตุการณ์สะเทือนใจ สีสันที่เราเลือกใช้จะค่อนข้างสว่าง เพื่อช่วยดึงเธอออกมาจากความหม่นหมอง และนั่นเป็นการชดเชยตัวละครเธอจากเปลวไฟหลายฉากด้วย ฉันคิดว่ามันช่วยดึงเธอให้สะดุดตาขึ้นมาได้”

สำหรับฉากผาดโผนที่ฮานนาห์ต้องกระโดดร่มในช่วงแรกของเรื่อง เพอร์คินส์เล่าความประทับใจให้ฟังว่า “เธอสวมเสื้อแจ็คเก็ตกับแว่นตาแล้วดูพร้อมลุยมาก นั่นเป็นหนึ่งในหลายอย่างที่เราสะท้อนออกมาพร้อมกับอารมณ์ของเธอในช่วงเวลาต่างๆ”

เธอเป็นหนึ่งในหลายตัวละครที่ต้องฝ่านรกไปตลอดทั้งเรื่อง เชอริแดนชื่นชมในความทุ่มเทและความสร้างสรรค์ของเพอร์คินส์ “มีหลายอย่างที่คนไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นต่อเนื่องกัน เวลาที่เราสวมชุดที่ต่างกันในสภาพที่ต่างกันไป มันเหมือนฝันร้ายที่เกิดขึ้นไม่หยุดและต้องแลกกับอะไรหาลยอย่าง นอกจากความสร้างสรรค์และมุมมองในแง่ความงดงามทางศิลปะ ผมคิดว่าเธอสร้างผลงานออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมมากครับ”

เชอริแดนได้เลือกใช้หัวหน้าแผนกคนเดิมอย่าง เฟลิซิตี้ โบว์ริง (หัวหน้าแผนกแต่งหน้า) และทิม มัวร์ (หัวหน้าแผนกทำผม) ที่ร่วมงานกับเขาในเรื่อง “Wind River” และ “Yellowstone” ผู้กำกับฯ เล่าว่า “พวกเขาต้องพกับความท้าทายครั้งหญ่ ตั้งแต่การสร้างร่องรอยจากไฟไหม้ แผลฟกช้ำ จมูกหัก และมีแผลจากกระสุนปืน ระหว่างที่เราถ่ายทำกันโดยใช้ไฟและส่วนประกอบต่างๆ ในฉากแอ็คชั่น เราต้องการนักแสดงที่มีความว่องไวมาก มันเลยเป็นความท้าทายช่างแต่งหน้าและทำผม รวมถึงความท้าทายของนักแสดงที่ต้องเตรียมถ่ายทำเวลาที่เราพร้อมด้วย เพราะเมื่อเราจุดไฟขึ้นมาในป่าล้ว เราต้องเดินหน้าถ่ายทำต่อไป”

สำหรับการถ่ายทอดฉากแอ็คชั่นและอารมณ์สำคัญในเรื่องของ “Those Who Wish Me Dead” เชอริแดนได้ขอความช่วยเหลือจากผู้ประพันธ์ดนตรีไบรอัน เทเลอร์ ผู้กำกับฯ เล่าวา “ไบรอันแต่งเพลงให้เรื่อง ‘Yellowstone’ และได้ฝากผลงานไว้ในภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์อีกหลายเรื่อง ล้วนเป็นหนังที่มีฉากอลังการทั้งนั้น สำหรับเรื่องนี้เราต้องการเพลง การออกแบบซาวด์ และเสียงของไฟที่ผสมผสานกันอยู่ในนั้น จนทำให้ผู้ชมไม่แน่ใจว่ามันเป็นเสียงจากการออกแบบหรือเสียงที่มาจากป่าหรือจากเพลงประกอบที่ใช้กันแน่

“เทย์เลอร์กับผมคุยกันว่าหนังเรื่องนี้มีการจัดเรียงโทนที่เป็นใจความสำคัญของเรื่องอย่างไรบ้าง เชน ช่วงที่บีบคั้นหัวใจ ช่วงหวาดกลัว และช่วงที่มีความหวัง ทุกอย่างต้องสะท้อนผ่านเสียงดนตรีออกมา ตัวละครหลักทั้งคู่ต่างรู้สึกไร้จุดหมายและมองหาอิสรภาพ ฮานนาห์ถูกความรู้สึกผิดและความทรงจำขังเอาไว้ ส่วนคอนเนอร์ต้องต่อสู้กับการสูญเสียพ่อ แต่นี่คือเรื่องราวระหว่างมนุษย์ที่ต้องสู้กับธรรมชาติ รวมถึงพวกมนุษย์ที่มีความโหดร้าย ซึ่งต้องสะท้อนผ่านเสียงดนตรี”

ไทเลอร์ได้เลือกเครื่องดนตรีอย่างพิถีพิถัน เพื่อเป็นตัวแทนของอารมณ์ความรู้สึกตามโทนต่างๆ “จังหวะของไฟที่ลุกอย่างรุนแรงจะสอดคล้องกับจังหวะของเสียงดนตรี ผมใช้ดนตรีที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นในเรื่องของจังหวะ ทำให้มันดูเหมือนการสุ่ม แต่ยังคงมีรูปแบบอยู่ในตัว ดนตรีของไฟจะมีจังหวะกระชั้นมากขึ้นเรื่อยๆ บวกกับเสียงดนตรีออเคสตร้าและพวกเครื่องดนตรีเป่า  เครื่องดนตรีสาย และเครื่องดนตรีทองเหลืองที่มาช่วยเพิ่มจังหวะ การเคาะที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติก็ช่วยสร้างความรู้สึกของความเร่งรีบได้ด้วย

“นอกจากการสร้างเสียงดนตรีที่มีความโดดเด่นในเรื่องแล้ว ผมยังสร้างสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อนด้วย” เขาเล่าต่อว่า “ผมบันทึกเสียงของเชลโล่ที่กำลังไหม้ ผมเผาด้วยไฟอ่อนๆ และเล่นสายของมัน จนกระทั่งไหม้ถึงจุดที่ไม่เหลือเสียงอะไรแล้ว การบันทึกเสียงเชลโล่ไหม้แบบนั้นทำให้เกิดเสียงที่สะท้อนให้ได้ยินตลอดทั้งเพลง ผมเจ็บปวดที่ต้องเผาเครื่องดนตรีสวยๆ แบบนั้นนะ แต่ผมคิดว่าเชลโล่นั่นได้เสียสละเพื่อสร้างสิ่งที่ดีแล้ว”

นักแต่งเพลงเล่าว่ามันไม่ได้ไหม้จนหมด “เทย์เลอร์ยังคงมีส่วนหัวของเชลโล่ ซึ่งเป็นเพียงสวนเดียวที่รอดจากเปลวไฟอยู่!”

ในส่วนอื่นของเพลงประกอบภาพยนตร์ ไทเลอร์ได้เล่าว่า “มันต้องเลี่ยงแนวดนตรีที่มีจุดจบ คอร์ดดนตรีต้องให้ความรู้สึกว่าไม่มีเสียงของตอนจบ และคีย์สำคัญต้องไม่โดดเด่นจนเกินไป ซึ่งเป็นอีกสิ่งที่มีเอกลักษณ์ในหนังเรื่องนี้สำหรับการทำงานของผม มันรู้สึกว่าเป็นคีย์ที่หาได้ยาก ขึ้นอยู่กับตัวผู้ฟังเลยว่าจะชื่นชอบหรือสมองจะตีความเสียงดนตรีอย่างไร ผมอยากบอกแค่ว่าเสียงดนตรีมันเต็มไปด้วยความไม่ชัดเจนอยู่แล้วครับ” เขายิ้ม

นอกจากเรื่องการประพันธ์ดนตรี ไทเลอร์เล่าว่า “ผมเล่นดนตรีในเพลงประกอบภาพยนตร์หลายชนิด ผมเล่นเปียโน เครื่องดนตรีประเภทเคาพ และเชลโล่ รวมถึงเสียงเชลโล่ไหม้เพื่อหนังเรื่องนี้ด้วย ผมยังบันทึกเสียงร่วมกับเกร็ก เฮย์ส ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญต่อหนังเรื่องนี้”

เชอริแดนรู้สึกว่าดนตรีของไทเลอร์ครอบคลุมถึงเรื่องราวและความรู้สึกต่างๆ ที่อยู่ในเรื่อง เขากล่าวสรุปว่า “เรามีหลากหลายประเด็นในหนังเรื่องนี้ ทุกอย่างสะท้อนออกมาจากตัวละครของเรา เรามีเรื่องราวของการเอาตัวรอด การตามล่า มีเรื่องของไฟและความหวาดกลัวที่คืบคลานเข้ามาหาตัวละครทั้งหมด ขณะเดียวกันก็ต้องเลือกว่าจะให้ความกลัวเป็นฝ่ายชนะหรือจะเอาชนะมัน แต่ทุกคนล้วนต้องเผชิญกับความโกรธเคืองอย่างรุนแรง และหวังว่าจะเป็นประสบการณ์ที่สร้างความตื่นเต้นและพลังให้กับผู้ชมได้ครับ”

Facebook Comments
ติดต่อ Maganetthailand.com
Don`t copy text!