ในโครงการ “โฟร์โมสต์ส่งต่อรอยยิ้มให้เด็กไทยสู้ภัยโควิด-19”
กรุงเทพฯ ประเทศไทย 18 สิงหาคม 2564 – ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่เกิดขึ้นอย่างยาวนาน จนส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของผู้คนในวงกว้าง และมีผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือทั้งในด้านเศรษฐกิจและสุขภาพอย่างต่อเนื่องนั้น หนึ่งในกลุ่มเปราะบางที่ได้รับผลกระทบไม่น้อยคือ “เด็ก” โดยเฉพาะเด็กๆ จากครอบครัวที่พ่อแม่ได้รับผลกระทบด้านรายได้ และค่าครองชีพที่ลดต่ำลง
ธนาคารโลก หรือ Word Bank ได้ประเมินสถิติความยากจนของคนไทย จากข้อมูลของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) ในช่วงที่เกิดสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 พบว่าผลกระทบจากสถานการณ์ทำให้คนไทยมีความยากจนเพิ่มขึ้น ซึ่งจำนวนคนยากจนในช่วงระหว่างปี 2563-2564 มีถึง 5.8 ล้านคน หรือเพิ่มสูงขึ้นถึง 1.5 ล้านคน
เป็นความยากจนที่แม้แต่เงินซื้ออาหารในแต่ละวันก็ยังไม่เพียงพอ เด็กเล็กๆ ที่อยู่ในครอบครัวยากจน 935,202 ครอบครัวทั่วประเทศ จึงหนีไม่พ้นความขาดแคลนสารอาหารที่ส่งผลถึงการเจริญเติบโตทั้งทางร่างกายและสติปัญญา โดยเฉพาะเด็กเล็กวัย 0-6 ขวบ ที่ต้องการโภชนาการที่จำเป็นเพื่อให้ร่างกายและสมองเติบโตอย่างเต็มที่ ซึ่งหากพัฒนาการช่วงนี้ต้องสะดุดไป อาจส่งผลต่อการเติบโตและคุณภาพชีวิตของเด็กคนหนึ่งไปทั้งชีวิต
บริษัท ฟรีสแลนด์คัมพิน่า (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์นมโฟร์โมสต์ ในฐานะผู้ที่มอบโภชนาการที่ดีให้กับประชากรไทยมาอย่างยาวนานกว่า 65 ปี ต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการบรรเทาปัญหาดังกล่าว ด้วยความเชื่อมั่นในความมีน้ำใจของคนไทยที่พร้อมแบ่งปันและช่วยเหลือกันในทุกสถานการณ์ จึงได้ร่วมกับ มูลนิธิกระจกเงา เปิดตัวโครงการ “โฟร์โมสต์ส่งต่อรอยยิ้มให้เด็กไทยสู้ภัยโควิด-19” เพื่อให้ทุกคนได้มีส่วนร่วมส่งต่อน้ำใจอันยิ่งใหญ่ ผ่านผลิตภัณฑ์นมโฟร์โมสต์จำนวน 1 ล้านกล่อง รวมมูลค่า 10 ล้านบาท ให้แก่เด็กและครอบครัวทั่วประเทศที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยเมื่อมีการซื้อผลิตภัณฑ์นมยูเอชทีโฟร์โมสต์ ทุกรสชาติ จำนวน 1 ลัง โฟร์โมสต์จะบริจาคผลิตภัณฑ์นมยูเอชที โฟร์โมสต์โอเมก้า 369 ขนาดบรรจุ 180 มล. ให้กับมูลนิธิกระจกเงาจำนวน 1 ลังทันที
นายราชเทพ นฤหล้า ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ฟรีสแลนด์คัมพิน่า (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “โฟร์โมสต์เชื่อในความมีน้ำใจของคนไทย จึงได้ร่วมสนับสนุนให้เกิดการต่อยอดสู่การเป็นสังคมแห่งการแบ่งปันอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์วิกฤตที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบต่อการเข้าถึงสารอาหารสำคัญและโภชนาการที่จำเป็นของครอบครัวชาวไทยจำนวนมาก โดยในปี 2563 ที่ผ่านมา โฟร์โมสต์ได้ร่วมมือกับทีมจิตอาสาจากเพจอีจัน มอบนมยูเอชทีโฟร์โมสต์จำนวน 2,390 ลัง ให้กับ 17 ชุมชน รวมถึง โครงการ ‘ปันนมปันน้ำใจร่วมต้านภัยโควิด-19’ ที่มอบผลิตภัณฑ์นมแก่โรงพยาบาลรัฐและศูนย์การแพทย์ 19 แห่งทั่วประเทศ มาในปีนี้เราได้จับมือกับมูลนิธิกระจกเงาชวนทุกคนมาร่วมแบ่งปันครั้งยิ่งใหญ่ มอบน้ำนมโคคุณภาพดีที่อุดมด้วยสารอาหารสำคัญจากโฟร์โมสต์จำนวน 27,778 ลัง รวมกว่า 1,000,000 กล่อง ไปสู่เด็กๆ ทั่วประเทศ โดยผู้ที่ร่วมซื้อผลิตภัณฑ์ นอกจากจะได้ผลิตภัณฑ์ไว้ใช้บริโภคภายในครัวเรือนแล้ว ยังได้ร่วมแบ่งปัน นอกจากนี้ ยังได้เปิดโอกาสให้พนักงานของบริษัทฯ บริจาคนมสวัสดิการสมทบโครงการนี้เพิ่มเติมอีกด้วย เพื่อให้ทุกคนได้มีส่วนร่วมส่งต่อน้ำใจอันยิ่งใหญ่ ในโอกาสครบรอบ 65 ปีของโฟร์โมสต์ ประเทศไทย
และแม้จะเป็นระยะเวลาเพียงสั้นๆ นับตั้งแต่เปิดตัวโครงการฯ ในวันที่ 1 สิงหาคม ที่ผ่านมา แต่ก็ได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดีจากคนไทย ถึงวันนี้เราได้มอบนมโคคุณภาพดีโฟร์โมสต์โอเมก้า 369 แก่มูลนิธิกระจกเงา ไปเป็นจำนวนกว่า 415,000 กล่อง (ไม่นับรวมนมสวัสดิการที่พนักงานบริษัทฯ บริจาคสมทบเพิ่มเติม) เพื่อนำไปแจกจ่ายเด็กๆ ในชุมชนต่างๆ สร้างเสริมโภชนาการที่มีบทบาทสำคัญต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของเด็กๆ และบรรเทาผลกระทบในกลุ่มเปราะบางที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักในช่วงวิกฤตโควิด-19 เพราะพัฒนาการของเด็กๆ คือสิ่งที่เรียกคืนไม่ได้นั่นเอง”
ด้าน น.ส. มลฤดี สุขเรืองรอง ครูประจำศูนย์พัฒนาเด็กเล็กก่อนวัยเรียน ชุมชนซอยสีน้ำเงิน 1 บางซื่อ กล่าวว่า “ในทุกชุมชนจะมีเด็กเล็กๆ อยู่ในครอบครัวที่เป็นกลุ่มเปราะบาง ช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 ทำให้พ่อแม่หลายคนมีความเสี่ยงถูกเลิกจ้าง และอีกหลายคนก็ขาดรายได้กะทันหัน ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของลูก อาหารในแต่ละมื้อคือสิ่งที่พ่อแม่จำเป็นจะต้องหาให้ลูกมากกว่านม แต่เด็กทุกคนต้องการนมที่มีคุณภาพสำหรับสมองที่กำลังเติบโต และร่างกายที่กำลังมีพัฒนาการ โดยเด็กๆ ควรได้ดื่มนมสดวันละอย่างน้อย 2 กล่อง หรือ 400 ซีซี และหากไม่ได้รับสารอาหารที่ดีอย่างครบถ้วน เด็กจะไม่สามารถเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีแข็งแรงสมบูรณ์ได้เลย การขาดแคลนนมโคคุณภาพดีจึงเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่งค่ะ
โครงการ “โฟร์โมสต์ส่งต่อรอยยิ้มให้เด็กไทยสู้ภัยโควิด-19” ช่วยแก้ปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นกับเด็กๆ ในครอบครัวกลุ่มเปราะบาง ให้ยังได้รับสารอาหารและโภชนาการที่เหมาะสมกับการเจริญเติบโตแม้ในยามวิกฤติ ต้องขอขอบคุณในน้ำใจของคนไทยทุกคนที่ร่วมสนับสนุนโครงการนี้ เพราะทุกความช่วยเหลือคือการร่วมสร้างอนาคตให้กับเด็กๆ ในช่วงปฐมวัย ซึ่งเป็นช่วงวัยสำคัญในการสร้างพื้นฐานที่ดีให้กับชีวิตต่อไปค่ะ”
ขณะที่คุณแม่วัย 34 ปี จากชุมชนซอยสีน้ำเงิน 1 กล่าวว่า “รู้สึกดีใจและขอบคุณทางโฟร์โมสต์อย่างมากค่ะ ที่ให้ความสำคัญกับการเจริญเติบโตของเด็กๆ ตัวเองเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ต้องดูแลลูกสองคน และทำงานรับจ้างรายวัน ซึ่งการแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 ทำให้เราหางานยากขึ้นเรื่อยๆ และส่งผลกับรายได้ในแต่ละวันมาก เวลาลูกร้องจะกินนม เราก็พยายามบ่ายเบี่ยง เพราะบางทีเขาไม่เข้าใจหรอกว่าคำว่าแม่ไม่มีเงินคืออะไร เราต้องเก็บเงินไว้ซื้อข้าวให้ลูกกิน ทั้งที่เราก็อยากให้ลูกได้กินทั้งข้าวและนม เพราะสำคัญต่อการเติบโตของลูกมาก ต้องขอบคุณทุกคนที่ช่วยสนับสนุนโครงการนี้จริงๆ ค่ะ”
ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการส่งต่อน้ำใจและสร้างอนาคตที่ดีให้เด็กไทย ภายใต้โครงการ “โฟร์โมสต์ส่งต่อรอยยิ้มให้เด็กไทยสู้ภัยโควิด-19” ได้ตั้งแต่วันนี้ – วันที่ 9 กันยายน 2564 ด้วยการซื้อผลิตภัณฑ์นมยูเอชทีโฟร์โมสต์ ทุกรสชาติ จำนวน 1 ลัง ผ่านช่องทางของร้านค้าผู้จัดจำหน่ายที่ร่วมรายการและโฟร์โมสต์ออนไลน์ โฟร์โมสต์จะบริจาคผลิตภัณฑ์นมยูเอชที โฟร์โมสต์โอเมก้า 369 ขนาดบรรจุ 180 มล. ให้กับมูลนิธิกระจกเงาจำนวน 1 ลังทันที เพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับเด็กและครอบครัวที่ได้รับความเดือดร้อน สูงสุดจำนวน 1,000,000 กล่อง (ไม่นับรวมนมสวัสดิการที่พนักงานบริษัทฯ บริจาคสมทบเพิ่มเติม) ดูรายละเอียดโครงการได้ที่ https://www.foremostthailand.com/กิจกรรม/โฟร์โมสต์ส่งต่อรอยยิ้มให้เด็กไทย และสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/ForemostThailand/ การแบ่งปันและน้ำใจจากคนไทยในครั้งนี้ จะช่วยสร้างรอยยิ้มของเด็กไทยในยามวิกฤตให้สดใสยิ่งกว่าเดิม