“เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์” ตอกย้ำเป้าหมายมุ่งสู่ Net-Zero ขับเคลื่อนธุรกิจอย่างยั่งยืนควบคู่การดูแลสิ่งแวดล้อมและรับผิดชอบต่อสังคม

Net-Zero Insurance Alliance (NZIA)

เจนเนอราลี่ ประเทศไทย ขานรับโยบายของเจนเนอราลี่ กรุ๊ป ที่ได้ร่วมเป็นสมาชิกผู้ก่อตั้ง NetZero Insurance Alliance (NZIA) โดยได้ให้คำมั่นที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิจนเป็นศูนย์จากพอร์ตการรับประกันภัย พร้อมผลักดันองค์กรก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงและยั่งยืนด้วยแนวคิด “ESG” เชื่อจะเชื่อมโยงนโยบายและแนวคิดได้ในทุกมิติ

นายบัณฑิต เจียมอนุกูลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์

            นายบัณฑิต เจียมอนุกูลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์  กล่าวว่า “จากการเปิดประชุมสุดยอดผู้นำ G20 ในการแก้ปัญหาวิกฤติการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ หรือ G20 Climate Summit ที่เมืองเวนิส ประเทศอิตาลี ที่ผ่านมา มร.ฟิลลิป ดอนเนท (Philippe Donnet) ประธานกรรมการบริหารของ เจนเนอราลี่ กรุ๊ป ได้ร่วมกับพันธมิตรบริษัทประกันภัยชั้นนำระดับโลก* ใช้ชื่อว่า Net-Zero Insurance Alliance (NZIA) ซึ่งเจนเนอราลี่ได้เป็นผู้นำเสนอความมุ่งมั่นของอุตสาหกรรมประกันภัยในการเร่งการเปลี่ยนแปลงไปสู่การลดก๊าซเรือนกระจกสุทธิในระบบจนเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions Economy) ภายในกลางปี ค.ศ. 2050 ซึ่งสมาชิกของ NZIA จะกำหนดเกณฑ์ในการพิจารณาการรับประกันภัยและกำลังแนะนำเกณฑ์การยกเว้นที่เข้มงวดมากขึ้นสำหรับภาคส่วนอุตสาหกรรมที่ส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อการกำจัดการลงทุนในกิจกรรมเหล่านี้โดยสมบูรณ์ นอกจากนี้จะรวมเกณฑ์ความเสี่ยงในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนให้เหลือศูนย์ไว้ในกรอบการบริหารความเสี่ยงด้วย โดยกลุ่มบริษัทฯ ยังตั้งใจที่จะสร้างการลงทุนใหม่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและมีความยั่งยืนที่มีมูลค่า 8.5 – 9.5 พันล้านยูโรในช่วงปีค.ศ. 2021-2025 ซึ่งการสร้างความยั่งยืนนี้ถือเป็นรากฐานสำคัญของแผน Generali 2021 เพื่อส่งเสริมการสร้างมูลค่าและนวัตกรรมขององค์กรในระยะยาว เป็นการยืนยันความมุ่งมั่นของเจนเนอราลี่ที่มีต่อสังคมและชุมชนที่เจนเนอราลี่ดำเนินการในฐานะ Lifetime Partner โดยเจนเนอราลี่ กรุ๊ปนั้นได้รับการยืนยันการจัดอันดับของดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability World Index – DJSI) ซึ่งเป็นการจัดอันดับบริษัทชั้นนำโดยใช้เกณฑ์ด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ในปีที่ผ่านมาอีกด้วย”

            สำหรับเจนเนอราลี่ ประเทศไทยเองก็พร้อมขานรับนโยบายดังกล่าว ล่าสุดในการประชุมพนักงาน “ครั้งที่ 2” ประจำปี 2564 (Town Hall Meeting) คณะผู้บริหารได้ตอกย้ำนโยบายด้านความยั่งยืนทางธุรกิจควบคู่ไปกับการผลักดันให้องค์กรก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงและยั่งยืน ซึ่งการให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมเป็นสิ่งที่เจนเนอราลี่ได้ให้ความสำคัญและยึดถือปฏิบัติมาโดยตลอด ตามแนวคิดการดำเนินงานที่จะพัฒนาสร้างแข็งแกร่งให้เท่าทันตามความต้องการของผู้บริโภคอยู่ตลอดเวลา ด้วยแนวคิดการพัฒนาขององค์กรอย่างยั่งยืนมาปรับใช้ในกระบวนการวางกลยุทธ์ทางธุรกิจ ซึ่งมีองค์ประกอบ 3 มิติ คือ ESG ได้แก่ ความ

  • Environment : การให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม ทั้งการปฎิบัติงานที่ส่งเสริมสิ่งแวดล้อม เช่น การลดใช้กระดาษ การไม่ลงทุนเพิ่มเติมในธุรกิจที่ไม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หรือการการเลือกใช้สินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
  • Social : การเห็นความสำคัญของสังคม การออกแบบประกันสุขภาพและประกันสำหรับผู้สูงอายุ การใช้ภาษาที่เข้าใจง่ายและเข้าถึงคนหมู่มาก รวมไปถึงการสนับสนุนแนวคิดที่สนับสนุนความหลากหลายและการมีส่วนร่วม (Diversity & Inclusion)
  • Governance : ธรรมาภิบาลหรือบรรษัทภิบาล การกำกับดูแลการให้บริการแก่ลูกค้าอย่างเป็นธรรม (Market Conduct) และมีความโปร่งใสในองค์กร

            “ขณะเดียวกันบริบทของโลกในอนาคตที่เรียกว่า เมกะเทรนด์ (Megatrends) ที่ยังมีอิทธิพลต่อชีวิตของภาคธุรกิจและผู้คนไม่น้อยเลยทีเดียว ซึ่งเจนเนอราลี่ก็พบข้อมูลว่า ESG megatrend ที่คาดว่าจะสามารถเปลี่ยนแปลงโลกธุรกิจ สังคม และสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติได้อย่างมีนัยสำคัญในอีก 10 ปีข้างหน้า โดยจะสอดคล้องการกับก่อตั้ง Net-Zero Insurance Alliance (NZIA) ในการเร่งการเปลี่ยนแปลงไปสู่สังคมเศรษฐกิจที่มีก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี ค.ศ. 2050 ซึ่งจะเป็นตัวกำหนดแนวทางให้เจนเนอราลี่ ประเทศไทยในการปรับกลยุทธ์ตามผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น เพื่อทำให้แนวคิดการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืนนั้นเกิดประโยชน์สูงสุดต่อองค์กรและสังคม พร้อมกับการตั้งเป้าหมายที่เชื่อมโยงกับเมกะเทรนด์เพื่อสร้างการเติบโตและมูลค่าที่ยั่งยืนให้กับองค์กรได้ในอนาคต” นายบัณฑิต กล่าวทิ้งท้าย

Facebook Comments
ติดต่อ Maganetthailand.com
Don`t copy text!